คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดเฉพาะส่วนยางตอนให้แก่เขาโดยได้รับเงินมัดจำไว้ แล้วกลับเอาที่นี้ไปทำนิติกรรมยกให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หา อันเป็นทางให้ผู้ซื้อผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ผู้ซื้อชอบที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการยกให้นั้นได้ ตาม ป.พ.พ.ม.237

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาตกลงขายที่ดินมีโฉนดเฉพาะส่วนแก่โจทก์และได้รับเงินมัดจำไปแล้วครั้นถึงกำหนดโอนจำเลยที่ ๑ ขอผลัด แล้วกลับไปทำโอนให้กรรมสิทธิที่ดินแปลงนั้นแก่จำเลยที่ ๒ โดยจำเลยทั้งสองรู้ว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ จึงขอให้เพิกถอนนิติกรรมให้นี้เสีย ให้จำเลยที่ ๑โอนขายแก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยที่ ๑ ให้การรับตามฟ้องเต็มใจโอนขายแก่โจทก์ไม่มีเจตนายกให้จำเลยที่ ๒ เซ็นมอบฉันทะให้จำเลยที่ ๒ เพื่อดูแลที่ดินแทน จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ และว่าจำเลยที่ ๑ ตกลงขายให้ก่อนแล้วและมอบฉันทะไว้ให้ไปทำการโอน ได้ทำไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดที่ ๖๘๒ ระหว่างจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยที่ ๑ โอนขายกรรมสิทธิเฉพาะของจำเลยที่ ๑ ให้แก่โจทก์ ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาฯลฯ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอยู่เช่นนี้ (ไม่มีอะไรที่จะแสดงให้น่าเชื่อได้เลยว่าจำเลยที่ ๒ ได้ซื้อที่ดินรายนี้จากจำเลยที่ ๑ โดยแท้จริง) นิติกรรมการโอนที่ดินรายพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ ตามหลักฐานปรากฎว่าเป็นการยกให้กันอยู่แล้วอย่างชัดเจน จึงเป็นกรณีที่ทำยกให้กันโดยเสน่หา อันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ ๑ เสียเปรียบ โดยจำเลยที่ ๑ รู้ดีอยู่ว่าได้ทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงนี้ให้โจทก์ไปแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยทั้งสองนั้นได้ ตาม ป.พ.พ.ม. ๒๓๗
จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share