แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฟ้องเขาเป็นคดีอาญาโดยเข้าใจผิดซึ่งที่แท้จำเลยควรฟ้องเขาเป็นคดีแพ่ง เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะลงโทษจำเลยฐานฟ้องเท็จได้
ย่อยาว
คดีได้ความว่าเดิมโจทก์จำเลยได้ตกลงกันว่าจำเลยจะโอนเรือนรายนี้ให้โจทก์เพื่อจะหลบเจ้าหนี้ แล้วต่อมาโจทก์ได้ขายเรือนรายนี้อีกต่อหนึ่งเมื่อขายแล้วโจทก์ได้เอาราคาเรือนนั้นแบ่งให้เจ้าหนี้จำเลยรวมทั้งตัวโจทก์เอง จำเลยจึงยื่นฟ้องหาว่าโจทก์กับพวกฉ้อโกงจำเลย แต่ศาลได้ยกฟ้องของจำเลยเสีย โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยหาว่าฟ้องเท็จและเบิกความเท็จขอให้ลงโทษ
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามรูปคดีเรื่องก่อนจำเลยน่าจะฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่ง แต่การที่จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญาขึ้นโดยจำเลยไม่มีความรู้เพียงพอเข้าใจผิดว่าโจทก์กระทำผิดทางอาญา ฉะนั้นจำเลยจึงยังไม่ควรมีความผิดฐานเบิกความเท็จเพราะมาตรา ๑๕๘ บัญญัติว่าจำเลยต้องมีเจตนาแกล้งเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปฟ้องจึงจะลงโทษได้ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ปล่อยจำเลยไป