แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอาใบเสร็จเก็บเงินค่าภาคหลวงของคนอื่นไปกล่าวเท็จให้เจ้าพนักงานสลักหลังอนุญาตให้นำไม้ผ่านด่าน มีผิดตามมาตราข้างบน พ.ร.บ.รักษาป่าไม้ พ.ศ.2456 วิธีพิจารณาแพ่งอาญา การไม่เสียเงินค่าภาคหลวงนำไม้ผ่านด่านนั้นเป็นคดีแพ่ง โจทก์ฟ้องต้องปิดสะแตมป์
ย่อยาว
จำเลยใช้ อ.ลูกจ้างนำไม้กระยาเลย ๒๔๒ ต้นกับใบเสร็จเก็บเงินค่าภาคหลวงของ ป.ค.ง. ไปแสดงความเท็จเจ้าพนักงานด่านภาษีว่าไม้ของจำเลยได้เสียภาษีแล้ว เจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงสลักหลังใบเสร็จเหล่านั้นและยอมให้จำเลยนำไม้ผ่านไป โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.รักษาป่าไม้ พ.ศ.๒๔๕๖ และกฎหมายอาญา ม.๑๑๘,๒๒๖ กับขอให้ใช้เงินค่าภาษี ๙ บาท ๖๘ สตางค์ด้วย
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยมีผิดตามพ.ร.บ.รักษาป่าไม้ พ.ศ.๒๔๕๖ และกฎข้อบังคับจัดการป่าไม้ พ.ศ.๒๔๕๖ ข้อ ๑๖ กะทงหนึ่ง ให้ปรับ ๓๐ บาทและผิดตามกฎหมายอาญา ม.๑๑๘ กะทงหนึ่งให้ปรับ ๓๐ บาท จำคุก ๑ เดือน ให้ลดฐานรับสารภาพตาม ม.๕๙ เสียกึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลย ๒ กะทง ๓๐ บาท โทษจำคุกให้ยกเสียตาม ม.๔๐ ส่วนข้อที่ขอให้จำเลยใช้ค่าภาคหลวงไม่รับวินิจฉัยเพราะโจทก์ไม่ปิดสะแตมป์ค่าฤชาธรรมเนียม
ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ว่าจำเลยมีผิดตามกฎหมายอาญา ม.๒๒๖ ให้จำคุก ๓ เดือน ลดตาม ม.๕๙ กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน และให้ใช้ค่าภาคหลวง ๙ บาท ๖๘ สตางค์ เพราะความผิดของจำเลยเข้าลักษณฉ้อโกง โจทก์ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตาม พ.ร.บ.เพิ่มเติมวิธีพิจารณาความอาญา ร.ศ.๑๒๖ ม.๑-๖ นอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงแลข้อกฎหมายว่าค่าภาคหลวงเป็นคดีแพ่ง และที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินลงโทษจำเลยตาม ม.๒๒๖ ยังไม่ชอบ
ศาลฎีกาตัดสินแก้ว่าจำเลยไม่มีผิดตาม ม.๒๒๖ ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เพราะจำเลยเป็นแต่ให้คนนำใบเสร็จของผู้อื่นไปแจ้งความเท็จหลอกลวงเจ้าพนักงานว่าเป็นใบเสร็จสำหรับไม้ของตนเท่านั้น ส่วนข้อความที่สลักหลังใบเสร็จนั้นเจ้าพนักงานจดลงเอง หาใช้จำเลยบอกให้จดลงไม่ จำเลยจึงมีผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ม.๑๑๘ ให้ปรับจำเลย ๑๕ บาทตามศาลเดิม ส่วนข้อที่จำเลยไม่เสียค่าภาคหลวงนั้น ตามพระราชบัญญัติที่โจทก์อ้างมิได้กำหนดโทษไว้ จึงเป็นคดีแพ่งเมื่อโจทก์ไม่เสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบแล้วไม่ต้องวินิจฉัยให้ยกเสีย นอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์