คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.พ.พ.ม.1357 เป็นเรื่องของความสันนิษฐานในเบื้องต้นเท่านั้นคู่กรณีย่อมมีสิทธินำสืบหักล้างความสันนิษฐานทั้งนี้เสียได้ความว่าความจริงเป็นอย่างไร
โจทย์ฟ้องขอแบ่งที่ดินจากจำเลยตามส่วนที่มีชื่อในโฉนด เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินมีส่วนไม่เท่ากันมาแต่เดิมและต่างครอบครองเป็นส่วนสัดแต่แรกก่อนออกโฉนดสืบตลอดมาดังนี้ ก็ต้องแบ่งที่ดินตามส่วนที่ผู้ใดเป็นเจ้าของอันแท้จริง เพราะเป็นเรื่องกรรมสิทธิรวมหาใช่เรื่องครอบครองโดยปรปักษ์ไม่

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยมีกรรมสิทธิร่วมกันในที่พิพาทและได้ครอบครองร่วมกันมาโจทก์ขอแบ่งแยกคนละเท่ากัน จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลแบ่งให้โจทก์คนละส่วน ตามความยาวของเนื้อที่ เพื่อจดทางสาธารณะและลำน้ำได้ทุกคนมิฉะนั้นให้ประมูลหรือขายทอดตลาด
จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของนายเค้งนางเอี่ยม นายเค้งตาย นางเอี่ยมแบ่งปันที่ดินให้แก่บุตรเลี้ยงซึ่งเกิดจากนางพัน แล้วแบ่งให้บรรดาบุตรทุกคน ต่างฝ่ายได้ครอบครองเป็นส่วนสัดมานานแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าให้แบ่งที่หมาย ก. ให้นายช่วยโจทก์ และหมาย ค. ให้นางมูลโจทก์ นอกจากที่แก้ยืนตาม
โจทก์ฎีกาขอให้แบ่งที่ดินให้โจทก์คนละส่วนตามที่มีชื่อในโฉนด
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามป.พ.พ.ม. ๑๓๕๗ เป็นเรื่องของความสันนิษฐานในเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งคู่กรณีย่อมมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างความสันนิษฐานทั้งนี้เสียได้ว่าความจริงเป็นอยู่อย่างไร ก็เมื่อครอบครองเป็นส่วนสัดตั้งแต่แรกก่อนออกโฉนดสืบตลอดมา โดยนางมูลโจทก์มีอยู่เพียงหมายอักษร ค.นายช่วยโจทก์มีเพียงหมายอักษร ก.และคดีนี้เป็นเรื่องการวินิจฉัยในปัญหากรรมสิทธิรวม หาใช่เรื่องครอบครองที่ดินของผู้อื่นทางปรปักษ์ไม่ เพราะฉะนั้นจะครอบครองที่ดินมาช้านานเพียงไร ไม่ใช่ข้อสำคัญ
พิพากษายืน

Share