คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความได้ระบุอ้างเอกสารเป็นพยานไว้แล้ว เมื่อได้ความว่าเอกสารนั้นได้ถูกส่งไว้ในคดีอื่นของศาลชั้นต้นเดียวกันแล้ว ย่อมถือได้ว่าเอกสารนั้นได้ถูกส่งต่อศาลเพื่อเป็นพยานในคดีนี้แล้ว ไม่จำต้องให้คู่ความฝ่ายที่อ้างนั้นยื่นคำขอให้เรียกเอกสารนั้นมารวมไว้ในคดีนี้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายวิเชียร เดชะเทศ ฟ้องขับไล่บุคคลที่เข้าอาศัยหรือเข้ามาปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนในที่ดินของโจทก์ ดังสำเนาหนังสือมอบอำนาจทั่วไปท้ายฟ้อง จำเลยอาศัยที่ดินโจทก์ปลูกบ้าน ต่อมาโจทก์บอกกล่าวให้รื้อถอนออกไป จำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลย กับให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การต่อสู้คดี โดยต่อสู้ไว้ด้วยว่า โจทก์จะได้มอบอำนาจให้นายวิเชียรจริงหรือไม่ไม่รับรอง
ศาลแพ่งพิพากษาขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า การที่โจทก์มิได้ขอให้ศาลเรียกต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจทั่วไปมาแสดงต่อศาลในคดีนี้ จะเป็นการดำเนินคดีโดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง หรือไม่ ปรากฎว่าโจทก์ได้ระบุอ้างต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจทั่วไปเป็นพยานไว้แล้ว(ตามบัญชีพยานโจทก์ ระบุว่าอยู่ที่โจทก์ และลงหมายเหตุว่าเป็นพยานนำ) ต่อมานายวิเชียร เดชะเทศ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ได้เบิกความว่า หนังสือมอบอำนาจทั่วไปที่อ้างนี้อยู่ในสำนวนคดีแพ่งเลขแดงที่ ๗๑๐/๒๕๐๕ ของศาลแพ่ง ซึ่งโจทก์คดีนี้ฟ้องขับไล่นายฉ่ำ โดยอ้างหนังสือมอบอำนาจฉบับเดียวกันเป็นพยาน และโจทก์ได้ชำระค่าอ้างเอกสารไว้ในคดีนี้แล้ว เห็นว่า เมื่อต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์อ้างได้ถูกส่งไว้ในคดีอื่นของศาลชั้นต้นเดียวกันแล้ว ย่อมถือได้ว่าถูกส่งต่อศาลเพื่อเป็นพยานในคดีนีแล้ว เพราะอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นจะเรียกมาพิจารณาได้เอง ไม่จำต้องให้โจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องให้เรียกเอกสารดังกล่าวมารวมไว้ในคดีนี้อีก ศาลรับฟังต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ประกอบการพิจารณาได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share