คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหนี้ โจทก์ ๆ ฟ้อง จำเลยทำยอม จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลย ผู้ร้องคัดค้านว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดนั้นศาลพิพากษาให้จำเลยโอนให้แก่ผู้ร้องแล้วในคดีอีกสำนวนหนึ่ง โจทก์และผู้ร้องต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งกับจำเลยสมยอมกันเพื่อเลี่ยงการชำระหนี้และโต้เถียงกันในประเด็นอื่นอีก ดังนี้ศาลจะต้องดำเนินการะบวนพิจารณาไปโดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์เป็นเจ้าหนี้ จำเลยทำยอมใช้ต้นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ย โจทก์จึงนำยึดที่ดิน ๑ แปลง
ผู้ร้องคัดค้านว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นรายเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยโอนให้แก่ผู้ร้อง และว่าสัญญากู้ระหว่างจำเลยกับโจทก์ที่ทำยอมกันที่ศาลนั้น โจทก์จำเลยสมคบกันทำขึ้นเพื่อฉ้อโกงผู้ร้องขอให้พิพากษาปล่อยทรัพย์รายนี้
โจทก์ให้การว่าผู้ร้องกับจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๒๘/๒๙๖ ได้สมยอมกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินรายพิพาทแล้วนำมาฟ้องศาลเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ราคา ๒๐,๐๐๐ บาทไม่ใช่ ๒๐๐๐ บาท คดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ยังไม่ถึงที่สุดและทรัพย์ยังไม่โอนไป กรรมสิทธิยังเป็นของจำเลย โจทก์มีสิทธิ์ยึดบังคับคดีได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานแล้วชี้ขาดว่า ที่ดินรายพิพาทเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยโอนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนตามสัญญาซื้อขายไปแล้วความเป็นเจ้าของที่ดินย่อมตกไปอยู่แก่ผู้ร้องนับแต่วันที่ศาลพิพากษาเป็นต้นไปแล้ใช้ยันบุคคลภายนอกได้ตาม ป.วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕(๒) พิพากษาให้ถอนการยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๑๔๕ (๒) ยังมีความว่า คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิแพ่งทรัพย์สินใด ๆ เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจใช้ยันบุคคลภายนอกได้เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจุพิศูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า ในคดีนี้นางลอย (โจทก์) บุคคลภายนอกยังคัดค้านในข้อเท็จจริง คำพิพากษานี้วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิทรัพย์สินที่ชี้ขาดให้โอนจากลูกหนี้ไปเป็นของผู้นั้นเกิดขึ้นโดยไม่สุจริตและยังคัดค้านในข้อผู้ร้องตีราคาทรัพย์พิพาทว่าต่ำกว่าราคา แสดงว่านางลอย(โจทก์) ยังมีข้อพิศูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนหรือฟังข้อเท็จจริงต่อไปตามประเด็นแล้วพิพากษาไป
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นางลอยโจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องกับจำเลยสมยอมกันทำสัญญาซื้อขายที่ดินขึ้นแล้วนำมาฟ้องศาลเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ถูกยึดทรัพย์ชำระหนี้ และยังโต้เถียงในประเด็นข้ออื่นอีก ซึ่งศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไปตาม ป.วิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๗(๒),๒๘๘,๒๙๖, ไม่จำเป็นที่นางลอยโจทก์จะต้องไปฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่
พิพากษายืน

Share