แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดยึดเรือของโจทก์ไว้โดยไม่มีอำนาจและไม่ดูแลรักษาเรือไว้ในที่อันสมควร ทำให้เรือเสียหายและไม่ได้ใช้เรือ ขอให้ใช้ค่าเสียหาย แต่โจทก์แถลงรับได้ความว่าจำเลยมีอำนาจยึดเรือโจทก์ไว้สอบสวนได้ตามกฎหมายและจำเลยไม่คืนเรือให้เพราะกำลังสอบสวนโจทก์เป็นผู้ต้องหาเกี่ยวกับใช้เรือทำผิดคดีอาญาอยู่ แล้วโจทก์แถลงจะขอสืบความเสียหายโดยจำเลยมีเจตนาแกล้งโจทก์ไม่ให้ใช้เรือประกอบอาชีพตั้งแต่ยึดเรือเรื่อยมานั้น เป็นการนำสืบนอกฟ้อง ส่วนข้อที่จำเลยไม่ดูแลรักษาเรือโจทก์นั้น โจทก์มิได้ขอสืบในข้อนี้ศาลสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นนายอำเภอและปลัดอำเภอ ได้ใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยึดคร่าเรือยนต์ของโจทก์โดยไม่มีหมายอาญาหรือบันทึกการยึดจับกุมอย่างใด แล้วไม่ดูแลรักษาหรือเก็บเรือไว้ในที่อันสมควร ทำให้เรือของโจทก์เสียหาย ๒๐,๘๐๐ บาท และโจทก์ใช้เรือไม่ได้อีก ๓๐,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังกล่าวกับดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า มีอำนาจยึดเรือโจทก์ซึ่งต้องหาว่าใช้เรือทำผิดฐานพยายามฆ่าคน และเก็บรักษาเรือตามสมควรแล้วเมื่อศาลได้ตรวจดูเรือแล้วจำเลยแจ้งให้โจทก์รับเรือคืนไป แต่โจทก์ไม่มารับคืนเอง
โจทก์รับว่าเรือโจทก์ถูกจำเลยยึดเป็นของกลางในคดีอาญาฐานสมคบกับพวกพยายามฆ่าคนและฐานขับเรือชนเรือนายชาญเสียหาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณาโดยโจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลย ศาลได้เผชิญสืบดูเรือของกลาง ๔ ครั้งแล้วจำเลยได้มีหนังสือให้โจทก์รับเรือคืน แต่โจทก์ไม่รับเพราะเรือโจทก์เสียหาย เมื่อโจทก์ส่งมอบเรือให้จำเลยยึด โจทก์ได้ใส่กุญแจทางเข้าออกห้องเครื่องจะเข้าภายในตัวเรือไม่ได้
โจทก์แถลงว่าจะนำสืบความเสียหาย เจตนาของจำเลยที่ไม่คืนเรือเมื่อโจทก์ขอคืนในเดือนมกราคม ๒๕๐๒ กับจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ไม่ให้ใช้เรือประกอบอาชีพตั้งแต่ยึดเรือเรื่อยมา และเจตนาแกล้งโจทก์ในคดีอื่นๆ ด้วย โจทก์รับว่าในเดือนมกราคม ๒๕๐๒ เป็นเวลาที่จำเลยสอบสวนคดีที่โจทก์ต้องหาดังกล่าวข้างต้น
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดที่โจทก์จะสืบว่าจำเลยแกล้งนั้น นอกฟ้อง ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยึดเรือโจทก์โดยมิชอบโดยไม่มีหมายอาญาหรือบันทึกการจับกุม แต่คดีได้ความว่าจำเลยมีบันทึกการยึดเรือ และจำเลยที่ ๑ เป็นพนักงานฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒ (๑๗) จึงมีอำนาจค้นและยึดของกลางได้โดยไม่ต้องมีหมายตามมาตรา ๙๒ ข้ออ้างในฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดจึงตกไป ที่โจทก์จะสืบว่าจำเลยไม่คืนเรือให้ในเดือนมกราคม ๒๕๐๒ โจทก์ก็รับว่าเป็นเวลาที่จำเลยสอบสวนโจทก์อยู่ ส่วนที่โจทก์จะขอสืบว่าจำเลยกลั่นแกล้งโจทก์นั้น ฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยใช้สิทธิโดยเจตนาแกล้งโจทก์ให้เสียหาย จึงนอกฟ้อง ส่วนฟ้องที่ว่าจำเลยไม่ดูแลรักษาเรือโดยสมควรนั้น โจทก์มิได้ขอสืบในข้อนี้ จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่จะให้สืบ
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น