คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2472

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เลิกสัญญาศาลล่างไม่สืบศาลล่างไม่สืบพะยานของผู้เช่าช่วงตามข้อต่อสู้ว่าได้บอกเลิกสัญญาแก่ผู้เช่าแล้วศาลฎีกาสั่งให้สืบใหม่ผู้เช่าครองทรัพย์ต่อไปถือว่าเช่าโดยไม่มีกำหนด ซึ่งผู้เช่าฝ่ายเดียวมีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ผู้เช่าเถียงอำนาจผู้ให้เช่าได้เพียงไร

ย่อยาว

ได้ความว่าเดิมโจทก์เช่าตึกจากพระคลังข้างที่ ๔ คูหาเดือนละ ๖๐ บาท แล้วให้จำเลยเช่าช่วงไป ๒ คูหา ค่าเช่าเดือนละ ๔๐ บาทต่อมาพระคลังข้าที่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าต่อโจทก์โดย อ.เจ้าของตึกมอบตึกนั้นให้แก่ ศ.เป็นผู้จัดการให้เช่า แต่โจทก์ไม่ยอมออกจากตึก ศ.จึงฟ้องขับไล่ ศาลชั้นต้นให้โจทก์ออกจากตึกแลเสียค่าเช่าเดือนละ ๖๐ บาทตามสัญญาเดิม โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้เรียกค่าเช่าจากจำเลยก่อนที่ถูกบังคับให้ออกจากตึก จำเลยต่อสู้ว่าได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แลได้เช่าต่อ ส.ตั้งแต่พระคลังข้างที่บอกเลิกสัญญาต่อโจทก์แล้ว
ศาลแพ่งงดสืบพะยานโจทก์จำเลย แล้วตัดสินว่าสัญญาเช่าช่วงนั้นยังมีอยู่จนกว่าโจทก์จะหมดสิทธิในตึกรายนี้ ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีผล จึงให้โจทก์ชนะคดี ฯ
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า โจทก์หมดสิทธิในตีกที่ให้จำเลยเช่าช่วงตั้งแต่พระคลังข้างที่บอกเลิกสัญญา สัญญาเช่าระวางโจทก์จำเลยจึงระงับไปทั้งเมื่อ ศ.ฟ้องขับไล่แลเรียกค่าเช่าจากโจทก์ก็หาได้เกี่ยวถึงตึกที่จำเลยอยู่ด้วยไม่ จึงยกฟ้องโจทก์เสีย ฯ
ศาลฎีกาตัดสินว่า แม้พระคลังข้างที่จะบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์แล้วก็ดี แต่ได้ความว่าโจทก์ได้เสียค่าเช่าให้แก่เจ้าของรวมทั้งห้องที่จำเลยเช่าช่วงไปแล้วด้วย ถ้าจำเลยยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาการเช่าต่อโจทก์ แลยังครองทรัพย์สินที่เช่าอยู่แล้วตามประมวลแพ่ง ม.๕๗๐ บัญญัติว่าคู่สัญญาได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา ซึ่งจำเลยชอบที่จะต้องเสียค่าเช่าให้แก่โจทก์ แต่ถ้าได้บอกเลิกการเช่าแล้วก็เสมอกับไม่ได้ครองทรัพย์สินที่เช่านั้น แลสัญญาชะนิดนี้จำเลยมีอำนาจบอกเลิกฝ่ายเดียวได้เพราะไม่มีกำหนดเวลาผูกพันกันไว้ ฉะนั้นประเด็นที่จะวินิจฉัยจึงมีว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญเช่าต่อโจทก์แล้วหรือไม่ แต่ศาลล่างหาได้สืบพะยานในข้อนี้ไม่จึงย้อนสำนวนให้ศาลเดิมสืบพะยานโจทก์จำเลยตามอ้างแล้วตัดสินใหม่

Share