คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าเดิมยินยอมนั้น ผู้เช่าช่วงย่อมต้องรับผิดต่อให้เช่าเดิมโดยตรงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 545 ผู้เช่าช่วงจึงหาใช่เป็นบริวารของผู้เช่าไม่
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากที่เช่าแต่ลำพัง โดยไม่ได้ฟ้องผู้เช่าช่วงเป็นจำเลยด้วย แม้ศาลจะพิพากษาขับไล่ผู้เช่าออกจากที่เช่าแล้วก็ดี ถ้าการเช่าช่วงนั้น ได้กระทำไปโดยผู้ให้เช่าเดิมยินยอมแล้ว โจทก์จะขอให้ขับไล่ผู้เช่าช่วงในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่าซึ่งเป็นจำเลยไม่ได้ ชอบที่จะว่ากล่าวกันต่างหากจากคดีนี้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากสถานที่เช่า โดยหมดอายุสัญญาเช่า ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบตึกพิพาทให้โจทก์และให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร คดีถึงที่สุด
ในชั้นบังคับคดี มีผู้ในตึกพิพาทบางคน ไม่ออกจากสถานที่เช่า โดยอ้างว่า ได้เช่าช่วงจากจำเลย โดยเจ้าของเดิมยินยอมให้จำเลยเช่าช่วงได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีนี้ เจ้าของได้ยินยอมให้เช่าช่วง ผู้เช่าช่วงจึงมิได้เป็นบริวารของจำเลย ซึ่งเป็นผู้เช่าจะบังคับตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๔๒ ข้อ ๑ ไม่ได้ ชอบที่จะว่ากล่าวกันต่างหากจากคดีนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการบังคับคดีแก่ผู้เช่าช่วงในฐานะเป็นบริวารของจำเลย
นายไต่เงี๊ยบและนายชื่อทง ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วได้ความว่า นายไต่เงี๊ยบรายชื่อทงอยู่ในตึกแถวพิพาทนี้ โดยจำเลยมีอำนาจให้เช่าช่วงได้ได้โดยชอบ นายไต่เงี๊ยบนายชื่อทงย่อมต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิม โดยตรงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๕๔๕ จึงหาเป็นบริวารของจำเลยไม่ เมื่อโจทก์ฟ้องผู้ให้เช่าช่วงคนเดียว จะขอให้ขับไล่
ผู้เช่าช่วงในฐานะเป็นบริวารของจำเลยไม่ได้ จึง พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share