คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของทรัพย์ร่วมคนหนึ่งไปทำสัญญาให้เช่าทรัพย์โดยคนอื่นมิได้ยินยอมด้วยนั้น สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ วิธีพิจารณา คำขอท้ายฟ้อง ตัดสิน โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการเช่าและขอให้ขับไล่ฉะเพาะที่ดินส่วนของตน เมื่อพิจารณาได้ความว่าทรัพย์ที่ให้เช่าเป็นทรัพย์ที่คนอื่นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยศาลไม่ตัดสินให้ทำลายและขับไล่เพราะจะเป็นการเกินคำขอ

ย่อยาว

ได้ความว่าที่ตอนพิพาทรวมอยู่กับที่ดินติดต่ออีกเป็นของโจทก์และจำเลยที่ ๑ กับคนอื่นอีกเป็นเจ้าของร่วมกัน แล้วจำเลยที่ ๑ เอาที่ทั้งหมดนั้นไปทำสัญญาให้จำเลยที่ ๒ เช่าโดยไม่ได้รังความยินยอมจากโจทก์ ๆ จึงฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการเช่าฉะเพาะที่ดินส่วนของโจทก์ กับขอให้จำเลยที่ ๒ รื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินส่วนของโจทก์ ซึ่งโจทก์กล่าวในฟ้องว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของโจทก์ผู้เดียว แต่ทางพิจารณาได้ความดังกล่าวข้างต้น
ศาลเดิมพิพากษาว่าการที่จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาเช่าที่พิพาทเป็นการใช้ไม่ได้เพราะโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมมิได้ยินยอมด้วย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยืนตามศาลเดิมแลพิพากษาเพิ่มเติมว่า เมื่อศาลพิพากษาว่าสัญญาเช่าใช้ไม่ได้แล้ว จำเลยที่ ๒ ก็ย่อมหมดสิทธิปกครองที่ดิน โจทก์ฟ้องขับไล่ได้จึงพิพากษาเพิ่มเติมให้ขับไล่จำเลยที่ ๒ ออกจากที่ดิน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเช่านั้นทำให้ตัวทรัพย์ทั้งหมดมีภาระติดพันไม่ใช่ฉะเพาะส่วนของผู้ให้เช่า สัญญาเช่าจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลแพ่ง มาตรา ๑๓๖๑ ตอน ๒ แต่ที่ดินรายนี้ผู้เป็นเจ้าของปกครองรวมกันมา จึงขับไล่จำเลยที่ ๒ ออกจากที่ดินส่วนของโจทก์ไม่ได้ ทั้งการเช่าก็เช่าทั้งหมด แยกส่วนออกจากกันไม่ได้ เมื่อโจทก์ฟ้องขอบังคับฉะเพาะส่วนของโจทก์ จึงบังคับให้ทำลายนิติกรรมทั้งหมดไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลเดิม

Share