แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประนีประนอม,การรับรองบุตรมฤดก,อายุความ
บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้ไปแจ้งทะเบียนสำมะโนครัวว่า เป็นบุตรและใช้นามสกุลของบิดา และบิดาได้อุปการะบุตรมาอันเป็นพฤติการณ์ที่รู้อยู่กันทั่วไป ดังนี้ได้ชื่อว่าบิดาได้รับรองแล้ว และถือได้ว่าเป็นผู้สืบสันดานของบิดาและมีสิทธิรับมรดกแทนที่บิดาได้
แม้คดีจะขาดอายุความมฤดกแล้วแต่ทายาททำสัญญาประนีประนอมแบ่งทรัพย์มฤดกแก่กัน สัญญานั้นย่อมใช้บังคับได้
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยทั้งสองไม่ใช่ทายาทโดยชอบธรรมของนายมานุสามีโจทก์ ไม่มีสิทธิรับมรดกแทนที่นายเด ที่พิพาท ๒ แปลงเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องขัดขวางในการจดทะเบียน
จำเลยให้การว่า นางแมะและนายเดบิดามารดาจำเลยเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ ป.พ.พ.ม.บรรพ ๕ ที่พิพาทเป็นสินสมรสรระหว่างนายมานกับโจทก์ซึ่งเป็นบิดามารดาของนายเด ก่อนตายนายมานได้พูดยกที่ดินให้จำเลยทั้งสองคนละ ๑๐ ไร่ นายมานตายแล้ว จำเลยได้ปกครองร่วมกับโจทก์เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ โจทก์ทำสัญญายอมแบ่งที่ดินให้จำเลยคนละ ๑๐ ไร่ จำเลยมีสิทธิได้รับที่ดินตามสัญญายอม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ทางพิจารณาได้ความว่านางแมะและนายเดสมรสกันภายหลังใช้ ป.พ.พ.ม.บรรพ ๕ แต่ไม่ได้จดทะเบียน จำเลยทั้งสองจึงเป็นบุตรรนอกกฎหมายของนายเด แต่เมื่อจำเลยทั้งสองเกิดได้ ๗ วัน นายเดได้ไปแจ้งทะเบียนสำมะโนครัวว่าเด็กทั้งสองเป็นบุตรและใช้นามสกุลของนายเด และนายเดได้อุปการะเลี้ยงดูเด็กทั้งสองมา อันเป็นพฤติการณ์ที่รู้อยู่กันทั่วไปได้ชื่อว่านายเดได้รับรองแล้วว่า จำเลยทั้งสองเป็นบุตรถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้สืบสันดานของนายเด มีสิทธิได้รับมรดกแทนที่นายเดได้ และฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลย เรื่องที่แบ่งที่ดินรายพิพาทนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้
พิพากษายืน