คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้คืนฟ้อง ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
เหตุคดีอาญาเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษและจำเลยก็อยู่ในห้องที่จังหวัดศรีสะเกษแต่ตัวโจทก์ต้องควบคุมอยู่ที่จังหวัดพระนคร ดังนี้การที่ศาลอาญาใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลอาญา เป็นดุลพินิจที่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาว่าเบิกความเท็จ แสดงหลักฐานเท็จปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมโดยกล่าวระบุว่าการกระทำผิดเกิดที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษและศาลอุทธรณ์ ทั้งจำเลยก็มีภูมิลำเนาที่จังหวัดศรีสะเกษและได้ยื่นคำร้องขอนุญาตฟ้องต่อศาลอาญา โดยอ้างว่าโจทก์ถูกควบคุมตัวอย่ในจังหวัดพระนคร เจ้าพนักงานไม่อนุญาตให้ไปฟ้องคดียังศาลจังหวัดศรีสะเกษ
ศาลอาญาสั่งว่า เหตุทั้งหมดเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษ แม้จะบรรยายเหตุเกี่ยวเนื่องว่าเกิดที่ศาลอุทธรณ์ด้วย ก็เห็นได้ชัดว่าเหตุที่แรกเกิดนั้นอยู่ในอำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษนั่นเอง จึงให้คืนฟ้องของโจทก์ไป และศาลอาญาสั่งคำร้องว่า ถ้าโจทก์จะฟ้องศาลจังหวัดศรีสะเกษ ก็มีทางทำได้โดยแต่งทนายให้ไปยื่นฟ้อง ไม่จำต้องไปด้วยตนเอง ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และได้กล่าวตอนหนึ่งว่า การพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นศาลอุทธรณ์นั้น ก็เพราะผลของกฎหมาย การกระทำที่โจทก์ฟ้องถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดที่ศาลอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ว่า
(๑) ฎีการโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ เพราะศาลล่างพิพากษาให้คืนฟ้อง มิใช่ให้ยกฟ้อง
(๒) ดุลพินิจของศาลล่างที่ไม่รับฟ้องของโจทก์นั้นชอบแล้ว เพราะการดำเนินคดีนั้นโจทก์อาจตั้งทนายได้โดยเป็นหน้าที่โจทก์จะขวนขวายเอง ทั้งจะพิจารณาเหตุส่วนตัวของโจทก์ฝ่ายเดียวว่าถูกควบคุมอยู่นั้น ไม่ชอบ ต้องพิจารณาถึงจำเลยและพยานด้วย โดยบุคคลเหล่านั้นจะต้องลำบากในการถูกฟ้องและไปเป็นพยานยังที่อื่นซึ่งไม่ใช่ศาลท้องที่และฝ่ายจำเลยย่อมถูกหน่วงเหนี่ยวตัวได้รับความลำบากยิ่งกว่าฝ่ายโจทก์มาก
จึงพิพากษายืน

Share