แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ของวัดพริก ผู้แทนของวัดพริกคือเจ้าอาวาสวัดพริกที่จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนวัดเท่านั้นตาม ป.วิ.อ.ม.5 (3) หากเจ้าอาวาสของวัดไม่ฟ้องคดีเองโดยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องแทนบุคคลผู้รับมอบหมายไม่มีอำนาจฟ้องแทนเพราะไม่มี ก.ม.บทใดบัญญัติไว้ว่าในคดีอาญาให้ผู้แทนมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้แทนได้อีก ทั้งจะยก ป.วิ.แพ่งอนุโลมใช้บังคับไม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้พระภิกษุสงวน ขันติโก เจ้าอาวาสวัดพริกได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายฉุย ธูปประสมดำเนินคดีฟ้องจำเลยเป็นความอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.อาญา ม.๓๐๔,๓๑๔,๗๑
จำเลยปฏิเสธข้อหาโจทก์
ศาลจังหวัดสิงห์บุรีพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๓๐๔,๓๑๔ ให้รวมลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนวัดคือเจ้าอาวาส แต่พระภิกษุสงวนเจ้าอาวาสวัดพริกมิได้ฟ้องคดีเอง โดยมอบอำนาจให้นายฉุยฟ้องคดีแทนเช่นนี้ ไม่มีสิทธิที่จะมอบหมายให้ฟ้องแทนกันได้ เทียบตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๒/๒๔๗๘ ระหว่างนายเคียกเกีย แซ่อึ้ง ผู้รับมอบอำนาจจากนายโง่วลิ้ม แซ่แต้ โจทก์ นายโบ๊ แซ่จึงจำเลย โดยที่อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาแล้ว ปรากฎว่าวัดพริกเป็นนิติบุคคลตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๕ (๓) บังคับว่าบุคคลที่จะจัดการแทนผู้เสียหายได้คือผู้แทนของวัดพริก ซึ่งได้แก่พระภิกษุสงวนเจ้าอาวาส ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติไว้ว่าในคดีอาญาให้ผู้แทนมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้แทนได้อีก ไม่เหมือนกับคดีแพ่ง โดยที่สิทธิฟ้องคดีอาญา มีบัญญัติไว้แล้วในคดีอาญา จึงยก ป.วิ.แพ่งอนุโลมมาใช้บังคับไม่ได้ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๙/๒๔๘๘ ระหว่างนางขำ สาสูงเนิน โจทก์ นายเจิม กับพวก จำเลย จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.