คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ชนะความจำเลย โจทก์จึงนำยึดที่ดินโฉนดที่ ๒๑๕๔-๒๑๖๐-๒๙๕๘ กับเรือน ๒ หลังซึ่งปลูกอยู่ในที่โฉนดที่ ๒๙๕๘ แลทรัพย์อื่น ๆ
ผู้ร้องๆขัดทรัพย์ นางเยื้อนอ้างว่าที่ดินโฉนดที่ ๒๑๕๔ แล ๒๑๖๐ เป็นของตน นางย้อยอ้างว่าโฉนดที่ ๒๙๕๘ กับเรือน ๒ หลังเป็นของนางย้อย
ศาลเดิมฟังว่าที่ดิน ๓ โฉนดนี้เป็นของ ป.จำเลยได้จำนองไว้กับ ร.เป็นเงิน ๒๑๖๐ บาท ต่อมาได้โอนยกให้แก่ผู้ร้องทั้ง ๒ โดยผู้ร้องออกเงินค่าดอกเบี้ยแทนจำเลยเป็นเงิน ๙๐๐ บาท ผู้ร้องเป็นบุตร์ ป. ป.ถูกฟ้องเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม แลในวันที่ ๑๗ เดือนเดียวกัน ป.ก็โอนที่ดินรายนี้ให้แก่ผู้ร้องแลเห็นว่าการโอนเป็นไปโดยสุจริตจึงให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ศาลอุทธรณ์สั่งให้ถอนการยึด
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีต้องวินิจฉัยตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๒๓๗ แลข้อสำคัญเวลาโอนให้นั้นเรือนแลนามีราคาเท่าใด เพราะถ้าราคาเรือนแลนาสูงกว่าที่ผู้ร้องรับไว้ก็นับว่าโจทก์เสียเปรียบเห็นว่าที่แลเรือนรายนี้ราคาประมาณ ๖๐๐ บาท แต่ผู้ร้องรับไว้เพียง ๓๐๐๐ บาทเศษ ย่อมเป็นการที่โจทก์เสียเปรียบอย่างชัดเจน ศาลเห็นว่าการที่ ป.โอนที่แลเรือนรายพิพาทอันมีราคาท่วมการจำนองอย่างมากมายให้ แก่ผู้ร้อง เช่นนี้ต้องถือว่า ป.เอาเปรียบแก่เจ้าหนี้ แลตามกฎหมายผู้ร้องไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการเสียเปรียบเจ้าหนี้ ก็เพิกถอนได้อยู่แล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลเดิมให้ยกคำร้อง

Share