แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาโจทก์ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทและทรัพย์สมบัติอื่นให้โจทก์คนเดียว บุตรคนอื่นรวมทั้งจำเลยไม่ได้ เพราะมารดาโจทก์จำเลยต้องการให้โจทก์ได้คนเดียว เช่นนี้เท่ากับจำเลยและบุตรอื่นถูกตัดจากมรดกของมารดา ตามมาตรา 1608 วรรคท้ายเสียแล้ว จึงมิได้อยู่ในฐานะเป็นทายาท ฉะนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องว่าเข้ารบกวนการครอบครองที่พิพาท จะยกอายุความมรดก 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1754 ขึ้นต่อสูไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องอยู่ตำบลคลองน้อย อ.ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นของนางทองอิ่ม ทรัพย์อุปการ ๆ ทำพินัยกรรมยกให้โจทก์ปรากฎตามสำเนาพินัยกรรมท้ายฟ้อง เมื่อนางทองอิ่มวายชนม์ โจทก์ได้เข้าทำนามา เมื่อมิถุนายน ถึง พฤศจิกายน ๒๔๙๗ จำเลยได้เข้าแย่งทำนา โจทก์จึงฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีดำ ๕๐/๒๔๙๘ ของศาลจังหวัดปากพนัง ยอมใช้ค่าเสียหายและค่าฤชาธรรมเนียม
บัดนี้จำเลยกลับมาแย่งทำนาอีก ทำให้โจทก์ทำนาไม่ได้และเสียหาย จึงมาฟ้องให้ศาลบังคับ
ข้อต่อสู้ของจำเลยที่มีปัญหามาถึงศาลฎีกามีว่าโจทก์มิได้เข้าครอบครองที่ที่ได้ตามพินัยกรรมใน ๑ ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ ม.๑๗๕๔ จะยกขึ้นต่อสู้ได้แต่โดนบุคคลซึ่งเป็นทายาทหรือบุคคลที่ชอบที่จะใช้สิทธิ์ของทายาทหรือโดยผู้จัดการมรดก นางสุกจำเลยแม้เป็นบุคคลและเป็นทายาทโดยธรรมของนางทองอิ่ม แต่นางทองอิ่มได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้โจทก์ผู้เดียว ต้องถือว่านางสุกจำเลยถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา ๑๖๐๘ จำเลยจึงไม่มีสิทธิแห่งทายาทเหลืออยู่ในทรัพย์สินที่เป็นมรดก จำเลยจะอ้างอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา ๑๗๕๔ มายันโจทก์ไม่ได้ พิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปเพื่อกำหนดค่าเสียหาย
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์