คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+แม้จำเลยให้การปฏิบัติเสธกฎหมายก็มิได้บังคับให้ศาลฟ้องซักไซ้ไล่เลี่ยงจำเลย แต่เป็นเรื่องอยู่ในดุลยพินิจแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร วิธีพิจารณาอาชญา พะยาน คำหญิงเจ้าทุกข์คนกลางปากเดียวในคดีเรื่องข่มขืน กระทำชำเรานั้น ถ้าไม่ชอบด้วยเหตุผลก็ฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ อำนาจศาลไต่สวนการพิจารณาคดี ศาลชั้นไต่สวนย่อมวินิจฉัยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงใด ๆเกี่ยวกับข้อหาได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ บุกรุกเข้าไปในบ้านโจทก์ฉุดคร่าห์บุตรีโจทก์ไปกระทำการข่มขืนณบ้านจำเลยที่ ๒-๓-๔-๕ โดยจำเลยเหล่านี้ทราบการทุจจริตแล้วได้จัดที่ให้พักซ่อนเร้นปิดบังแลกักขังหน่วนเหนี่ยวบุตรีโจทก์ไว้เพื่อสำเร็จความใคร่ของจำเลยที่ ๑ จึงขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลโบริสภาไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูลฉะเพาะตัวจำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยอื่น ๆนอกนั้นหามีพิรุธไม่ จึงสั่งให้ยกข้อหาปล่อยตัวจำเลยที่ ๒-๓-๔-๕ ไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า (๑) ศาลไม่ซักไซร้ไล่เลียงตามมาตรา ๑๒ แห่งพ.ร.บ.วิธีพิจารณาอาชญา ศก ๑๑๕ (๒) คำหญิงคนกลางปากเดียวก็ฟังได้ตามฎีกาที่ ๔๑๒/๒๔๗๔ (๓) ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากสำนวน (๔) ศาลชั้นไต่สวนมีหน้าที่แตจะพิเคราะห์ว่าจำเลยมีพิรุธหรือไม่เท่านั้นส่วนเจตนามีอย่างไรต้องวินิจฉัยในชั้นพิจารณาตามฎีกาที่ ๘๓๘/๒๔๖๑
ศาลฎีกาเห็นว่าในปัญหาข้อ ๑ ตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาอาชญา ร.ศ.๑๑๕ ม.๑๒ เป็นบทบัญญัติให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการที่จะซักไซร้ไล่เลียงจำเลยเมื่อจำเลยไม่ให้การหรือให้การปฏิเสธซึ่งแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรหาใช่บังคับให้ศาลจำต้องซักไซร้จำเลยทุกเรื่องไปไม่ เช่นในบางเรื่องจำเลยไม่ให้การศาลถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหาในปัญหาข้อ ๒ คำหญิงคนกลางนั้น เมื่อประกอบด้วยเหตุผลก็ฟังได้ แต่ในคดีเรื่องนี้ ศาลล่างฟังว่าไม่ชอบด้วยเหตุผลจึงมิได้ฟังตาม ในปัญหาข้อ ๓ เห็นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยมีหลักฐานพะยานในสำนวนสนับสนุน แลในปัญหาข้อ ๔. เห็นว่าการที่ศาลชั้นไต่สวนจะวินิจฉัยว่าคดีเรื่องใดมีมูลหรือไม่ ย่อมวินิจฉัยเอาจากเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับข้อหาก็ได้ ไม่เป็นผิดต่อหลักกฎหมายหรือวิธีพิจารณา ฎีกาที่โจทก์อ้างก็หาได้วางหลักวินิจฉัยไว้ว่า ศาลชั้นไต่สวนไม่มีอำนาจวินิจฉัยถึงข้อเจตนาของจำเลยไม่ จึงพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share