คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเพราะเหตุจำเลยละเมิดสิทธิครอบครองของโจทก์ ไม่ใช่เรื่องโจทก์ฟ้องเรียกมรดก จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า บิดาโจทก์ตายเมื่อใด และใครเป็นทายาทบ้าง
หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง (ให้จัดการทรัพย์สินและให้ฟ้องร้องได้) เป็นเอกสารแสดงการมอบอำนาจให้ทำการแทนในกิจการมากกว่าครั้งเดียว แต่มิได้กระทำในลักษณะเป็นรูปตราสารสัญญา หากเป็นเพียงเอกสารที่ทำแต่ลำพังผู้มอบอำนาจฝ่ายเดียว จึงต้องเสียอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 7 ข. อันกำหนดไว้ 5 บาท หาใช่การมอบอำนาจทั่วไปในเรื่องตัวแทน

ย่อยาว

เรื่อง ขอให้แสดงกรรมสิทธิที่ดิน และให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๖๔๔ เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ ขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ ๒ กับจำเลยที่ ๓ และห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน แล้วใส่ชื่อโจทก์เป้นเจ้าของกรรมสิทธิแทน ถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่ศาลจะพิพากษาตามคำขอดังกล่าวก็ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ ๑-๒ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามราคาที่ดินปัจจุบัน
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของนายอึ้ง ยุกหลง บิดาจำเลยที่ ๑-๒ จำเลยที่ ๒ ได้ครอบครองตลอดมาและขอรับมรดกแล้วขายให้จำเลยที่ ๓ ไปโดยสุจริต คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ใช้เงินค่าเสียหายให้โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑-๓
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๖๔๔ เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ ให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เสีย ให้ถอนชื่อตามข้อ ๒๑ ข.ซึ่งกำหนดให้ปิด ๑๐ บาท นั้นไม่ เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนถูกต้องดังนี้แล้ว ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้
โจทก์เพิ่งทราบพฤติการณ์ของจำเลยเมื่อ จำเลยที่ ๓ ได้เข้ามารบกวนและบังอาจบุกรุกสิทธิการครอบครองของโจทก์ อายุความจึงต้องนับตั้งแต่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและนับแต่วันนั้นมาจนถึงวันฟ้อง ยังไม่เกิน ๑ ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ ๓ ออกจากโฉนด แล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นกรรมสิทธิ นอกจากที่แก้นี้ ยืน
จำเลยที่ ๒ – ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ในข้อกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
โจทก์ฟ้องจำเลยเพราะเหตุจำเลยละเมิดสิทธิ(ครอบครอง) ของโจทก์ ไม่ใช่เรื่องโจทก์ฟ้องเรียกมรดก จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า บิดา(นายยิมฮี้) ตายเมื่อใด และใครเป็นทายาท
หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง (ให้จัดการทรัพย์สินและให้ฟ้องร้องได้) เป็นเอกสารแสดงการมอบอำนาจให้ทำการแทนในกิจการมากกว่าครั้งเดียว แต่มิได้กระทำในลักษณะเป็นรูปตราสารสัญญา เป็นเพียงเอกสารที่ทำแต่ลำพังผู้มอบอำนาจฝ่าย จึงต้องเสียอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสดงตามข้อ ๗ ข. อันกำหนดไว้ ๕ บาท หาใช่การมอบอำนาจทั่วไปในเรื่องตัวแทน ตามข้อ ๒๑ ข. ซึ่งกำหนดไว้ปิด ๑๐ บาท นั้นไม่ เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนถูกต้องดังนี้แล้ว ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้ โจทก์เพิ่งทราบพฤติการณ์ของจำเลยเมื่อจำเลยที่ ๓ ได้เข้ามารบกวนและบังอาจบุกรุกสิทธิการครอบครองของโจทก์ อายุความจึงต้องนับตั้งแต่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและนับแต่วันนั้นมาจนถึงวันฟ้อง ยังไม่เกิน ๑ ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

Share