คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยคัดค้านการเลือกตั้งและจำเลยเบิกความในศาลตอนหนึ่งว่า “ก่อนวันเลือกตั้ง 2,3 วัน รายอุไรผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่งเอานายถวัลย์ปลัดเทศบาลและนายเล็กคนขับรถดังเพลิงไปช่วยหาเสียงและกินเลี้ยงที่บ้านนายบุญปลอดและบ้านนายนิ่ม ระหว่างกินเลี้ยงทั้ง 2 ครั้งนี้นายถวัลย์พูดโจมตีจำเลยว่านายครอบเป็นเจ้าถ้อยหมอความยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมให้ระงับการติดไฟในระหว่างเลือกตั้ง” ซึ่งเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษตาม ม.155 ข้อความเพียงเท่าที่เห็นว่าจำเลยมิได้ให้การว่านายถวัลย์ได้พูดส่งเสริมหรือทับถมให้เลือกหรือไม่ให้เลือกผู้ใดเลยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งอย่างไร ถึงนายถวัลย์จะได้พูดเช่นนั้นจริงก็ไม่เป็นเหตุและไม่อาจเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้งตามสำนวนที่จำเลยร้องนั้นได้ ดังนี้ข้อความที่โจทก์อ้างแม้จำเลยจะเบิกเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในดคีเรื่องนั้น ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จตาม ม.155 ไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองนครปฐม ขอให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้ง แล้วจำเลยได้สาบาลตนเบิกความเท็จในคดีเรื่องนั้นว่า “ก่อนวันเลือกตั้ง ๒,๓ วันนายอุไรผู้สมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่งเอานายถวัลย์ปลัดเทศบาลและนายเล็กคนขับรถดับเพลิงไปช่วยหาเสียงและกินเลี้ยงที่บ้านนายบุญปลอดและบ้านนายนิ่มระหว่างกินเลี้ยงทั้งสองครั้งนี้ นายถวัลย์พูดโจมตีจำเลยว่า นายครอบเป็นเจ้าถ้อยหมอความยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมให้ระงับการติดไฟในระหว่างเลือกตั้ง” ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๑๕๕
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยให้การตามความจริงและต่อสู้ว่าไม่เป็นผิดทางอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน ตาม ม.๑๕๕ แต่ให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด ๕ ปี ตามม.๔๑,๔๒ แก้ไขใหม่
จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อ ก.ม.ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะในปัญหาข้อ ก.ม. ๒ ข้อ คือ
๑.ข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นไม่ใช่ข้อความสำคัญแห่งคดี จะลงโทษจำเลยไม่ได้
๒.ฟ้องโจทก์ยืนว่าการกระทำของจำเลยทำให้เกิดความเสียหายแก่นายถวัลย์และทางราชการ แต่กลับนำสืบว่าไม่ได้เกิดความเสียหายขึ้นแต่อย่างใด ดังนี้ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม.๑๙๒ วรรค ๒
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ม.๑๕๕ โดยเฉพาะหาได้ประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นด้วยไม่
ปัญหาข้อแรกศาลเห็นว่าเมื่อจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดดังนั้นจริง นายถวัลย์เพียงแต่เอามาพูดในเวลากินเลี้ยงตามเรื่องที่ปรากฏและจำเลยมิได้ให้การว่านายถวัลย์ได้พูดส่งเสริมหรือทับถมให้เลือกหรือไม่ให้เลือกผู้ใดเลย จึงไม่เห็นมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างไร ถึงนายถวัลย์ได้พูดเช่นนั้นจริงก็ไม่เป็นเหตุและไม่อาจเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้งตามสำนวนที่จำเลยร้องนั้นได้ ดังนี้แม้จำเลยจะเบิกความเท็จในความข้อนี้ ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีเรื่องนั้นอีกเช่นเดียวกัน จึงลงโทษให้จำเลยไม่ได้ตาม ก.ม.อาญา ม.๑๕๕ ดังที่โจทก์ขอมา ปัญหาข้อ ๒ ที่จำเลยฎีกาจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยตัวจำเลยพ้นข้อหาไป.

Share