แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ทุพลภาพไม่สามารถประกอบหาเลี้ยงชีพได้เพราะความทุพลภาพเกินกว่า 20 วัน
แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเอง นับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง 16 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อเกินกว่า 20 วันไปแล้วผู้เสียหายก็ยังคงทุพลภาพด้วยทุกขเวทนากล้าหรือไม่สามารถประกอบการลี้ยงชีพตามปกติได้ กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเองผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ ฉนั้นผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลาที่ ก.ม.กำหนดไว้ก็ได้ ดังนี้แม้จำเยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ขณะโจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้อง ก็รับฟังเช่นนั้นไม่ได้ (จึงลงโทษจำเลยตาม ม.256 ไม่ได้ จำเลยควรมีความผิดตาม ม.254 เท่านั้น)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจให้ฆ้อนเหล็กตีนายรอ+ถูกที่มือขวาด้านริมนิ้วก้อยกระดูกโคนนิ้วก้อยแตกและเป็นบาดแผลสาหัสไม่สามารถประกอบหาเลี้ยงชีพได้เพราะความทุพลภาพเกินกว่า ๒๐ วัน ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๕๖
จำเลยรับสารภาพและแถลงว่าเหตุเกิดเพราะโต้เถียงกัน จำเลยบรรดาลโทษะ จำเลยได้ช่วยพยาบาลรักษาแล้วและเจ้าทุกข์ไม่ติดใจเอาโทษ ขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบา และรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๖ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ม.๕๙ คงจำคุก ๑ ปี คำขอของจำเลยให้รอการลงโทษให้ยกของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่าบาดแผลของผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บสาหัสเพราะเหตุเกิดวันที่ ๑๔ เม.ย. ถึงวันโจทก์ฟ้องวันที่ ๒๙ เม.ย. เป็นเวลาเพียง ๑๖ วัน โจทก์ไม่สืบผู้เสียหายหรือแพทย์ประกอบว่าบาดแผลของผู้เสียหายหายแล้วหรือยังและผู้เสียหายหาเลี้ยงชีพได้ตามปกติหรือไม่ จึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๔ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี ลดโทษตาม ม.๕๙ ให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๖ เดือน นอกนี้ยืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น อ้างว่าแม้โจทก์จะฟ้องจำเลยนับแต่วันเกิดเหตุเพียง ๑๖ วัน ยังไม่เกิน ๒๐ วันก็ตาม จำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้อง แล้วจำเลยไม่ได้เถียงเรื่องสาหัสหรือไม่ ศาลรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องและลงโทษจำเลยตามฟ้องของโจทก์ได้ ไม่จำเป็นโจทก์ต้องนำสืบ
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทแก้โทษ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ฎีกาของโจทก์นั้นเห็นว่าฟ้องของโจทก์อ้างข้อบาดแผลสาหัสว่า ผู้เสียหายถึงความทุพลภาพประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าและไม่สามารถประกอบการหาเลี้ยงชีพตามปกติได้เกินกว่า ๒๐ วันตามข้อ ๘ แห่งมาตรา ๒๕๖ อันเป็นข้อเท็จจริง แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเองนับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง ๑๖ วันเท่านั้น เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่า เมื่อเกิน ๒๐ วันไปแล้ว ผู้เสียหายก็ยังคงทุพลภาพ หรือไม่สามารถประกอบหาเลี้ยงชีพตามปกติได้ กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเอง ผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ ผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลา ที่ ก.ม.กำหนดไว้ก็ได้ แม้จำเลยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ขณะโจทก์ฟ้อง ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้อง ก็ยังรับฟังเช่นนั้นไม่ได้
พิพากษายืน.