แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คนร้ายลักโคจูงมาระหว่างทางพบจำเลย ๆ ช่วยคนร้ายไล่ต้อนโคโดยรู้ว่าเป็นโคของผู้อื่นและเมื่อพวกเจ้าทรัพย์มาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกัน ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบหรือสมรู้กับคนร้ายในการลักทรัพย์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันลักโค ๑ ตัว ขอให้ลงโทษ
จำเลยที่ ๑ รับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยกลับจากตลาดพบจำเลยที่ ๑ จูงโคมา จำเลยที่ ๑ บอกว่าเป็นโคของนายพริ้มกินข้าวในนาเขาจึงจับจะเอาไปขายเสีย จำเลยที่ ๒ ก็รู้ว่าเป็นโคของนายพริ้ม เมื่อเจ้าทรัพย์ตามพบโค จำเลยทั้งสองวิ่งหนี
โจทก์จำเลยต่างไม่สืบพยาน
ศาลขั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ฐานลักทรัพย์ แต่ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ เพราะถือไม่ได้ว่าสมคบกับจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ด้วย โดยเห็นว่าการลักทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ ยังไม่สิ้นสุดลง จำเลยที่ ๒ จึงได้ชื่อว่าสมคบกับจำเลยที่ ๑
ศาลฎีกาเห็นว่าการลักทรัพย์ได้สำเร็จลงแล้ว การที่จำเลยที่ ๒ ขับไล่ต้อนโคไม่เป็นอุปการะแก่การกระทำผิดของจำเลยที่ ๑ หากจำเลยที่ ๒ จะเป็นผิดก็เป็นผิดในฐานอื่นซึ่งโจทก์ไม่ได้ฟ้อง พิพากษายืน.