คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตึกกับเครื่องเรือนอาจทำสัญญาแยกกันได้ จะถือเป็นสัญญาควบหรือรวมกันเสมอไปไม่ได้
เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อนโดยโจทก์ได้รบกวนไม่ให้จำเลยใช้ประโยชน์แห่งสถานที่เช่าตามสัญญาด้วยประการต่างๆ จำเลยผู้เช่าจึงมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งถึงการถูกรบกวนและให้เอาเงิน 4,000 บาทที่จำเลยวางเป็นประกันว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่า ใช้เป็นค่าเช่าเดือน มิ.ย.และ ก.ค. และว่าหากยังรบกวนอยู่อีกจะยึดหน่วงค่าเช่าสำหรับเดือนต่อไปจนกว่าจะปฏิบัติตามสัญญา กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะถือว่าจำเลยจงใจไม่ชำระค่าเช่าสำหรับ 2 เดือนดังกล่าวยังไม่ได้ ดังนี้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าดังฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าตึกเลขที่ ๒๙๘ ถนนสุริยวงศ์ พระนคร อัตราเดือนละ ๒,๐๐๐ บาทกับตกลงเช่าเครื่องเรือนต่างๆที่อยู่ในตึก เดือนละ ๑,๕๐๐ บาทตามสัญญาท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์เกินกว่า ๒ คราวติดๆกันตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนกรกฎาคม ๒๔๙๘ รวมเป็นเงิน ๑๔,๐๐๐ บาท จึงขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ฯลฯ
จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าบ้านและเครื่องเรือนจริงตามฟ้อง โดยตกลงเช่าต่างหากจากกันไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ผิดนัดดังฟ้อง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกามีความสำคัญ ๒ ข้อคือ (๑) สัญญาเช่าตึกและสัญญาเช่าเครื่องเรือนรายนี้สัญญาควบกัน จะเลยจะบอกเลิกสัญญาเช่าเครื่องเรือนโดยไม่ยอมเลิกสัญญาเช่าตึกหาได้ไม่ (๒) จำเลยไม่มีสิทธิจะให้หักเงิน ๔,๐๐๐ บาทที่ให้ไว้ตามสัญญาเป็นการชำระค่าเช่าได้ เพราะเงินจำนวนนั้นเป็นเงินประกันว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติตามสัญญา มิฉะนั้น ถ้าจำเลยผิดสัญญาโจทก์ก็ไม่มีทางจัดการกับเงินนั้นได้อย่างไร เมื่อเช่นนี้แล้วก็ต้องถือว่าจำเลยค้างค่าเช่าจริง โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
สำหรับฎีกาข้อ ๑ ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาเช่าตึกกับสัญญาเช่าเครื่องเรือนรายนี้เป็นสัญญาแยกกันคนละส่วน จะถือว่าเป็นสัญญาควบหรือรวมกันไม่ได้ เมื่อได้ความว่าโจทก็เป็นฝ่ายผิดสัญญาจริง จำเลยข่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าเครื่องเรือนโดยลำพังได้
สำหรับฎีกาข้อ ๒ ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อน โดยโจทก์ได้รบกวนไม่ให้จำเลยใช้ประโยขน์แห่งสถานที่เช่าตามสัญญาด้วยประการต่างๆ จำเลยจึงมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งถึงการถูกรบกวน และให้เอาเงิน ๔,๐๐๐ บาทใช้เป็นค่าเช่าสำหรับเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และว่าหากยังรบกวนอยู่อีกจะยึดหน่วงค่าเช่าสำหรับเดือนต่อไปจนกว่าจขะปฎิบัติตามสัญญา
ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจะถือว่าจำเลยจงใจไม่ขำระค่าเช่าสำหรับเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมยังไม่ได้ ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจะเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าดังฟ้อง.
พิพากษายืน.

Share