คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องในการวิวาท เป็นแต่ผู้ยืนดูอยู่ข้างนอก ผู้ตายมาตีจำเลย 2-3 ที่แล้วยังจะตีซ้ำอีก จำเลยจำต้องป้องกันตัวและไม่มีโอกาศที่จะมัวเลือกหาอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน จึงต้องใช้อาวุธมีดที่มีอยู่แทงสวนไป ในการที่จำเลยแทงผู้ตายไปในขณะกำลังฉุกละหุก เช่นนี้ หามีเวลาจะเลือกว่าจะแทงให้ถูกตรงไหนไม่ การที่แทงไปถูกท้องเป็นการบังเอิญ หาใช่จำเลยตั้งใจเอาชีวิตผู้ตายไม่และจำเลยแทงผู้ตายเพียงทีเดียวเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยได้รับยกเว้นโทษ.

ย่อยาว

เรื่อง ฆ่าคนตายโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกฝ่ายหนึ่ง พลทหารประเสริฐ อ่วมวงษ์กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง ใช้มีดและไม้สมัครใจวิวาททำร้ายกัน จำเลยใช้มึดปลายแหลมแหง พลฯ ประเสริญมีบาดเจ็บ ๑ แห่งโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย พลฯประเสริฐถึงแก่ความตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ได้ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม. ลักษณะอาญา มาตรา ๒๔๙
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฏีกา
ศาลฏีกาเห็นว่า จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องในการวิวาท เป็นแต่ผู้ยืนดูอยู่ข้างนอก ผู้ตายมาตีจำเลย ๒ – ๓ ทีแล้วยังจะตีซ้ำอีก จำเลยจำต้องป้องกันตัวและไม่มีโอกาสที่จะมัวเลือกหาอาวุธอื่นใดมาใช้ได้ทัน จึงต้องใช้อาวุธมีดที่มีอยู่แทงสวนไป ในการที่จำเลยแทงผู้ตายไปในขณะกำลังฉุกละหุกเช่นนี้ หามีเวลาจะเลือกว่าจะแทงให้ถูกต้องหรือไม่ การที่แทงไปถูกท้องเป็นการบังเอิญ หาใช่จำเลยตั้งใจเอาชีวิตผู้ตายไม่ และจำเลยแทงผู้ตายเพียงทีเดียวเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ จำเลยได้รับยกเว้นโทษ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.

Share