แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนโดยเอาปืนจี้และชกจำเลย จำเลยจึงเตะผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายล้มลงไม่มีบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๙๙ จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายทรงสันต์มีบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๒๕๔, ๖๓ ประมวลกฎหมายอาญา ม. ๒๙๕, ๘๓ และริบไฟฉายของกลาง
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๒ ถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม จึงเตะผู้เสียหาย ๑ ที โดยบรรดาล โทษะ พิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๓๓๘ (๓) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา ม. ๗๒ ปรับ ๒๕ บาท จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยให้ยกฟ้อง ไฟฉายของกลางคืนจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ ๒ กับผู้เสียหายต่างสมัครใจวิวาททำร้ายกัน จะลงโทษ จำเลยที่ ๒ ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๓๓๘ (๒) ไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ไม่ได้ทำผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ เสียด้วย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานทำร้ายผู้เสียหายมีบาดเจ็บ
ศาลฎีกาฟังว่า ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนโดยเอาปืนจี้และชกจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงเตะผู้เสียหาย ๑ ที ผู้เสียหายล้มลงไม่มีบาดเจ็บ เห็นว่าจำเลยที่ ๒ มีความจำเป็นเพื่อป้องกันตัวหาย ๑ ที ผู้เสียหายล้มลมไม่มีบาดเจ็บ เห็นว่าจำเลยที่ ๒ มีความจำเป็นเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรลงอาญาตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๕๐ และไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๖๘
พิพากษายืนตามผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์