คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลออกหมายยึดที่ดินไว้แล้วแต่เรียกโฉนดไม่ได้และเจ้าพนักงานก็มิได้บอกอายัติห้ามการโอนต่อหอทะเบียน ภายหลังลูกหนี้โอนที่ดินที่ยึดนั้นให้คนภายนอก คนภายนอกรับซื้อไว้โดยสุจริตและไม่ทราบว่าที่ดินถูกยึดดังนี้ ผู้ซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ หน้าที่นำสืบตามมาตรา 237 เป็นหน้าที่ของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะต้องนำสืบว่าผู้ซื้อรู้ถึงการซื้อขายที่ผู้ขายซึ่งเป็นลูกหนี้ขายไปเพื่อหลีกเลี่ยงการไม่ชำระหนี้ เจ้าของร่วมมีอำนาจโอนกรรมสิทธิส่วนของตนให้คนภายนอกได้

ย่อยาว

โจทก์ชนะความ +.จำเลยแล้วนำยืดที่ดินของ +. จำเลย แต่ที่รายนี้ +. จำเลยเป็นเจ้าของร่วมอยู่กับ อ. แล จ. เจ้าพนักงานเรียกเอาโฉนดไม่ได้เพราะผู้เป็นเจ้าของร่วมบอกว่าเอาไปให้เจ้าหนี้ยึดไว้ เจ้าพนักงานผู้ยึดก็มิได้บอกอายัติต่อหอทะเบียนห้ามการโอนซื้อขาย ต่อมาภายหลังการยึดทรัพย์ ๓ เดือน +. จำเลยได้โอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่ ร.จำเลยโจทก์คดีนี้ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาชญาหาว่าสมคบกับฉ้อโกง ศาลพิพากษายกฟ้องแล้วโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ทางแพ่งขอให้ทำลายนิติกรรม์ซื้อขาย
ปัญหามีว่าโจทก์ขอทำลายนิติกรรมซื้อขายได้หรือไม่ เมื่อผู้ซื้อ ๆ โดยสุจริต
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาว่าการซื้อขายเป็นการภายหลังการยึดทรัพย์ นิติกรรมเป็นโมฆะตามประมวลแพ่ง ม.๑๑๓
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ศาลจะได้มีหมายยึดที่ดินรายนี้แล้วก็ดี กรมสิทธิก็ยังคงเป็นของ ข. จำเลย อ. แล จ.ผู้มีชื่อในโฉนดอยู่ทั้งศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาชญาแล้วโดยโจทก์สืบไม่ได้ความว่าจำเลยซื้อขายกันโดยสมยอม แลการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานยึดที่ดินรายนี้ ก็ไม่ได้บอกกล่าวอายัติไว้ต่อหอทะเบียนขอห้ามการซื้อขาย ร. จึงไม่มีทางที่จะทราบได้ว่าที่ดินนี้ศาลได้ออกหมายยึดไว้แล้ว แลเห็นว่าตามประมวลแพ่งมาตรา ๒๓๗ โจทก์ต้องสืบให้ได้ความว่า ร. รู้ถึงการที่ +. ขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการไม่ชำระหนี้ เมื่อโจทก์สืบไม่ได้โจทก์จะขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายนั้นไม่ได้ จึงกลับศาลล่างให้พิพากษายกฟ้องโจทก์

Share