คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่บ้านสวนโจทก์นำสืบได้ว่ามีสิทธิในที่นั้นตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 แม้โจทก์จะได้ยกที่พิพาทให้แก่บุตรเมื่อ 4 ปีมาแล้ว แต่การให้ไม่ถูกต้องตาม ก.ม. ที่พิพาทก็ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้กระทำการบุกรุกได้
คดีก่อนบุตรโจทก์ฟ้องจำเลยส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกัน ไม่ใช่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนโจทก์มิได้เป็นคู่ความกับจำเลย

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกทำลายคันนาและตัดฟันต้นจากสาคูเสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะข้อกฎหมายที่ว่า ที่พิพากษาเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ตั้งใจยกให้นายจวนบุตรครอบครองมา ๔ ปีแล้ว แม้การให้จะไม่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม นายจวนเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองแทนโจทก์แล้ว ขณะเดียวกันโจทก์ผู้ถือกรรมสิทธิจะคลุมเอาสุทธิครอบครองของนายจวนในที่พิพาทแปลงเดียวกัน ๒ คนไม่ได้ และคดีนี้เป็นเรื่องฟ้องซ้ำ กับคดีก่อนที่นายจวนได้ฟ้องจำเลย ศาลได้พิพากษาไปแล้ว
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาว่า ที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวน โจทก์ได้ครอบครองมานานถึง ๔๐ ปีแล้ว โจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่พิพาท ศาลฎีกาจึงเห็นว่าที่นั้นตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ จึงยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้กระทำการบุกรุกได้ และเห็นว่ามิใช่เป็นการฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนโจทก์มิได้เป็นคู่ความกับจำเลย
พิพากษายืน

Share