คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าที่ดินย่อมมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์ที่นำเข้ามาไว้ในที่เช่าโดยไม่คำนึงว่าใครจะเป็นผู้นำเข้ามา สามีขนทรัพย์เข้ามาไว้ในที่ดินซึ่งภริยาเป็นผู้เช่าภริยาค้างชำระค่าเช่าดังนี้บุริมสิทธิของผู้ให้เข่าย่อมมีอยู่เหนือทรัพย์ที่นำเข้ามาไว้ในที่เขาฉะเพาะสินสมรสส่วนของภริยาเท่านั้น หามีบุริมสิทธิในสินบริคณห์ส่วนของสามีด้วยไม่ บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าในมูลค่าเช่าย่อมรวมถึงหนี้คำภาษีอากรซึ่งเกิดจากความเกี่ยวพันในเรื่องเช่าด้วย บุริมสิทธิของผู้ให้เช่าในมูลค่าเช่าย่อมอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่นำเข้ามาไว้ในที่เช่านั้น โดยไม่จำกัดว่าจะนำเข้ามาไว้ในส่วนไหนของที่เช่าฎีกาอุทธรณ์ ปัญหาข้อเท็จจริง ข้อที่ว่าศาลบังคับให้ฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมค่าทนายแทนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น อยู่ในดุลยพินิจของศาล

ย่อยาว

โจทก์ชนะความจำเลยแล้วนำยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องจึงร้องขัดทรัพย์ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีบุริมสิทธิในมูลค่าเช่าสังหาริมทรัพย์เหนือทรัพย์สินที่ยึดในที่เช่า โดยกล่าวว่าเดิม ฮ.ภริยาจำเลยได้เช่าที่ดินของผู้ร้องรายนี้ ระหว่างเช่าภริยาได้นำทรัพย์สิ่งของหลายอย่างเข้ามาในที่เช่า ค่าเช่าค้างตามคำพิพากษาเป็นเงิน ๕๓๐ บาท ๕๐ สตางค์ บัดนี้โจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยและภริยซึ่งอยู่ในที่ดินและโรงเรือนที่เช่า ผู้ร้องจึงขอรับชำระหนี้ก่อนโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับภริย แม้ภริยาจำเลยจะเป็นผู้เช่าแต่ผู้เดียว จำเลยก็อยู่ในที่รายนี้ด้วย จึงถือได้ว่าหนี้รายนี้ผูกพันสินบิรคณห์ได้ ผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิในทรัพย์สินที่โจทก์ยีด จึงสั่งให้ผู้ร้องมีบุริมสิทธิในมูลค่าเช่ารายนี้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้เช่า ผู้ร้องจึงมีบุริมสิทธิฉะเพาะในส่วนสินสมรสของภริยาจำเลย จึงพิพากษาให้ผู้ร้องมีบุริมสิทธิฉะเพาะส่วนสมรสของภริยาจำเลย ๑ ใน ๓ ของทรัพย์ทั้งหมด
ผู้ร้องฎีกาว่าสามีต้องรับผิดร่วมกับภริยา บุริมสิทธิจึงครอบถึงสินสมรสของสามีด้วย แลว่าทรัพย์ส่วนของจำเลยจะไม่ต้องรับผิดก็ตาม เมื่อภริยาจำเลยมีส่วนนำเข้ามาไว้ในสถานที่เช่า ผู้ร้องก็ย่อมมีบุริมสิทธิตาม ม.๒๖๑ วรรค ๑ กับว่าศาลอุทธรณ์บังคับให้ผู้รัองเสียค่าธรรมเนียมค่าทนายแทนโจทก์นั้นไม่ชอบ ส่วนโจทก์ฎีกาว่าภริยาจำเลยเช่าที่ดินผู้ร้อง ๓ แปลง ทรัพย์ที่ยึดอยู่ในที่ดินแปลงดียว ผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิสำหรับค่าเช่าที่ดินอีก ๒ แปลงไม่ได้ แลว่าผู้ร้องจะขอบุริมสิทธิในค่าภาษีอากรด้วยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม ม.๒๖๐บุริมสิทธิมีอยู่เหนือทรัพย์ของผูเช่า เมื่อจำเลยไม่ได้เป็นผู้เช่า ทรัพย์ของจำเลยก็ย่อมไม่ตกอยู่ในภายใต้บุริมสิทธิแห่งการเช่า ส่วนบุริมสิทธิในมูลค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์จะมีอยู่เหนือทรัพย์ของผู้อื่นได้ก็ฉะเพาะในกรณีที่ต้องด้วย ม.๒๖๑ วรรค ๒ คดีนี้ไม่ปรากฎว่าภริยาจำเลยเป็นผู้ขนทรัพย์เข้ามา ส่วนข้อที่คัดค้านเรื่องค่าธรรมเนียมแลค่าทนายเห็นว่าเป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ใช่ปัญหากฎหมาย
ส่วนฎีกาโจทก์ เห็นว่าเมื่อปรากฎว่าการเช่ามิได้แยกจากกันต่างหากเป็นแปลง ๆ บุริมสิทธิในการเช่ารายนี้ทั้งหมดก็ย่อมมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในที่เช่าโดยไม่ต้องคำนึงว่าสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้นำเข้ามาไว้ในที่เช่าตอนใด ส่วนเรื่องค่าภาษีอากรนั้นเห็นว่าเป็นหนี้เนื่องจาการเช่าโดยตรง จึงเป็นหนี้อย่างอื่นอันเกิดจากความเกี่ยวพันในเรื่องเช่าตาม ม.๒๖๐ ผู้ร้องจึงอ้างบุริมสิทธิได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์แลผู้ร้อง

Share