แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขับรถยนต์รับคนโดยสารมาตามถนน เผอิญเกิดยิงกันเกี่ยวกับการจราจลจึงขับรถหนี แม้จะเร็วจนถึงขนาดผิดกฎจราจร ก็ได้รับยกเว้นโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 49 เพราะถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อหลบหนีภยันตรายอันร้ายแรง เมื่อเอาผิดในตอนนี้ไม่ได้ การวิ่งตัดหน้ารถยนต์ภายในระยะ 1 วา คนขับห้ามล้อรถหยุดไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่ห้ามล้อดี วินิจฉัยว่าวิ่งตัดหน้ารถยนต์ในระยะกระชั้นชิด ใช่วิสัยที่จะป้องกันมิให้รถยนต์ทับได้ การที่รถยนต์ทับคนที่วิ่งตัดหน้ารถนั้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เรื่องผู้ขับรถประมาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นทหารกองประจำการ ได้บังอาจหลบหนีราชการไปจากต้นสังกัด และได้ขับรถยนต์ชนนายชุบ สาคลานนนท์ตายโดยประมาท ขอให้ลงโทษ
จำเลยรับสาารภาพฐานหนีราชการทหาร แต่ปฏิเสธในฐานทำให้คนตายโดยประมาทว่า ผู้ตายวิ่งหนีกระสุนปืนที่ยิงกันในพระบรมมหาราชวังมาปะทะกับล้อรถเอง
ศาลทหารกรุงเทพฯ พิพากษาว่า จำเลยผิดฐานหนีราชการทหารตามประมวลกฎหมายอาญาทหารมาตรา ๔๖ ข้อ ๔ ให้ จำคุก ๗ เดือน ลดโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๕๙ คงให้จำคุก ๖ เดือน ความผิดฐานอื่นยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลทหารกลางพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า วันโจทก์หาจำเลยขับรถยนต์รับผู้โดยสารแล่นมาตามถนน เผอิญเกิดยิงกันเกี่ยวกับการจราจล จำเลยก็ขับรถหนี ประจวบกับนายชุบวิ่งหนีกระสุนปืนผ่านหน้ารถยนต์คันที่จำเลยขับมาภายในระยะ ๑ วา จำเลยห้ามล้อหยุดไม่ทัน ทั้งๆที่ห้ามล้อดี รถยนต์จึงทับนายชุบถึงแก่ความตาย ศาลนี้เห็นว่าการที่จำเลยขับรถยนต์เพื่อหลบหนีภยันตตรายอันร้ายแรงนั้น แม้จะเร็วจนถึงขนาดผิดกฎจราจรจำเลยก็ได้รับยกเว้นโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๔๙ เมื่อเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้แล้ว การที่นายชุบวิ่งตัดหน้ารถยนต์ของจำเลยในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ ก็ใช่วิสัยที่จะป้องกันมิให้รถยนต์ทับนายชุบได้ การที่รถยนต์ทับนายชุบจึงเป็นเหตุสุดวิสัย มิใช่เรื่องประมาท ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน