คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อย่างไรเรียกว่าสินบริคณห์ หญิงมีสามีจะทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์ จะต้องได้รับอนุญาตจากสามีก่อน มิฉะนั้นเปนโมฆิยะ สัญญาขายฝาก การขายฝากก่อนประมวลแพ่ง กรรมสิทธิในทรัพย์ยังอยู่แก่เจ้าของเดิมที่ดิน

ย่อยาว

ได้ความว่าที่ดินพิพาทเดิมเปนของ ก.ๆ ทำสัญญาขายฝากไว้แก่ บ.๑๒๔๐ บาทก่อน บ.เปนภรรยาโจทก์ เมื่อวันที่ ๒๗/๑๒/๖๒ ก.โอนที่นี้ให้แก่ บ.เปนการชำระหนี้เงินที่ขายฝาก แต่เมื่อขาย บ.รับโอน โจทก์กับ บ.ได้เปนสามีภรรยากันแล้ว ต่อมาวันที่ ๑๙/๗/๗๑ บ.โอนที่รายนี้ให้จำเลย บัดนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำลายการโอน
ศาลเดิมเห็นว่าที่พิพาทเปนสินเดิมของ บ.และเมื่อ บ. ทำสัญญาโอนหาได้เปนคนวิกลจริตไม่ จึงตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับว่า ที่พิพาทเปนสินบริคณห์ระวาง บ.กับโจทก์ บ.ไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ สัญญาโอนเปนโมฆียะ โจทก์บอกล้างได้จึงให้ทำลายการโอน ให้ที่ดินคงคืนสภาพเดิม
ศาลฎีกาเห็นว่า การขายฝากก่อนใช้ประมวลแพ่ง กรรมสิทธิที่ดินคงอยู่แก่เจ้าของเดิม ฉะนั้นที่นี้จึงเปนสินสมรสระวาง บ.กับโจทก์ อันว่าสินบริคณห์ตาม ม.๓๘ คือ ทรัพย์สินสามีภรรยาได้ปกครองมาด้วยกัน มิได้แยกออกเปนส่วนตัวฝ่ายใดแม้เปนสินเดิมก็คงเปนสินบริคณห์ตามกฎหมาย ที่ดินรายนี้ปรากฏว่าเปนสินบริคณห์ ฉะนั้นการที่ บ.เอาไปทำนิติกรรมจะต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยผู้สามีก่อน สัญญาจึงจะสมบูรณ์ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์

Share