แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีพิจารณาอาญา
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องหาว่า โจทย์กับจำเลยได้เข้าหุ้นส่วนกันค้าขาย โจทย์เปนผู้ออกทุน จำเลยเปนผู้ออกแรงแลเปนผู้จัดการ จำเลยได้ยักยอกเงินกับสินค้าแลบาญชี แลเก็บเงินจากลูกณี่ไปรวม ๗๙๓๐ บาทเศษ ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๑๔ – ๓๑๙ ข้อ ๓
ศาลอาญาพิจารณาเห็นว่า หุ้นส่วนยังไม่ได้คิดบาญชีโจทย์ด่วนมาฟ้องแลสืบไม่ได้ความว่าได้ยักยอก ให้ยกฟ้อง คดีมาถึงศาลอุทธรณ์กรุงเทพ ฯ ศาลอุทธรณ์กรุงเทพ ฯ ให้ลงโทษ จำเลยฎีกา
ฎีกาตัดสินว่า โจทย์สืบได้ความเปนแน่ว่าจำเลยซึ่งเปนผู้จัดการได้ยักยอกทรัพย์กับบาญชีของหุ้นส่วนไปจริง แม้ในเรื่องทรัพย์โจทย์จะสืบถึงจำนวนไม่ได้โดยเลอียดหมดจดก็ดี ก็มีคำพยานพอว่า จำเลยได้ยักยอกทรัพย์ของหุ้นส่วนไปแล้ว แลคดีนี้โจทย์ฟ้องหาเปนมูลกรณีย์อาญาอย่างเดียวไม่เรียกสินไหมด้วย เมื่อโจทย์สืบได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกจริงแล้ว ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ทีเดียวโดยมิต้องพักรอการคิดบาญชีฤารอให้ฟ้องทางแพ่งเสียก่อน ที่ศาลอาญายกเอาเหตุที่โจทย์จำเลยไม่คิดบาญชีก่อนขึ้นประกอบการวินิจฉัยว่า จำเลยยังไม่ควรมีโทษนั้นไม่ถูกต้องผิดหลักบังคับกรณีย์แพ่งอาญาปนกัน (ดูกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๘๗,๘๘ ) จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรุงเทพ ฯ ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๑๙ ข้อ ๓ ให้ยกฎีกาจำเลย