แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรมคลังเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายย่อมมีอำาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีที่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของกรมได้ข้าราชการได้รับพระราชทาน++มาทองคำสำหรับประดับเกียรติยศและต้องส่งคืนเมื่อถึงแก่กรรม หีบหมากถูกเพลิงไหม้สูญไป แต่ข้าราชการผู้นั้นทำหนังสือรับรองจะจัดทำส่งใช้คืนให้ดังนี้ เอกสารฉะบับนั้น +++ผูกพันข้าราชการผู้นั้นรวมตลอดถึงผู้จัดการมฤดกของเขาด้วย
ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม. 255+++ทุนทรัพย์ที่พิพาท+++เพียง 515 บาท++ศาลอุทธรณ์พิพากษา+++ศาลขั้นต้น คู่ความ++ในข้อเท็จจริงไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่า ม. ได้รับพระราชทานหีบหมากทองคำเครื่องยศเพื่อรักษาไว้ประดับเกียรติยศโดยมีข้อกำหนดว่าต้องส่งคืนเมื่อถึงแก่กรรม ต่อมาเกิดเพลิงไหม้บ้าน ม. หีบหมากใบนี้ถูกเพลิงไหม้สูญไป ม.เคยมีจดหมายถึงโจทก์รับรองจะส่งหีบหมากทองคำนี้คืนแก่โจทก์ ครั้น ม. ถึงแก่กรรม จำเลยผู้จัดการมฤดกไม่ยอมส่งคืนให้โจทก์ ๆ จึงฟ้องเรียกจำเลยให้การต่อสู้หลายประการ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาหีบหมากรายนี้ให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินตามประเด็นข้อโต้เถียงว่าในเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ ๆมีสิทธิฟ้องจำเลยโดยลำพังได้ เพราะเป็นนิติบุคคลตามประมวลแพ่ง ฯ ม. ๗๒ (๑) และ ๗๓ เรื่องที่ฟ้องก็อยู่ในขอบวัตถุที่ประสงค์ของกรม โจทก์ตาม ม. ๖๔ สำหรับประเด็นที่ว่าหีบใบนี้พระราชทานเป็นสิทธิเด็ดขาดหรือเพื่อเป็นเกียรติยศต้องส่งคืนภายหลังนั้นศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาต้องกันมาว่าพระราชทานเป็นเกียรติยศ และต้องส่งคืน ข้อนี้เป็นข้อเท็จจริง จำเลยฎีกามิได้ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ฯ ม. ๒๔๘ ส่วนประเด็นที่ว่าเอกสารของ ม. ทีมีถึงโจทก์รับรองจะส่งหีบคืนให้นี้ แม้จะมิเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความก็ดี เมื่อ ม. ยินยอมจะส่งคืนโดยมิได้ยกข้อภัยนอกอำนาจเรื่องหีบถูกเพลิงไหม้ขึ้นเป็นข้อโต้เถึยงแล้วเอกสารฉะบับนี้ย่อมผูกพัน ม. ที่จะต้องส่งหีบคืน จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมฤดกจะกลับยกข้อภัยนอกอำนาจที่ ม. สละเสียแล้วมาเป็นข้อต่อสู้อีกมิได้จึงพิพากษาขืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย