แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องแลอ้างบทมาตราขอให้ลงโทษจำเลยแล้ว แม้โจทก์จะอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญาทั้งลักษณมาด้วย ก็หาเป็นเหตุทำให้ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ไม่ฎีกาอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงดุลยพินิจเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นนายอำเภอ จำเลยที่ ๒ เป็นเสมียนตราได้บอกตำรวจให้จับโจทก์หาว่าลักไม้ โจทก์ไม่ยอมให้การตามความต้องการของจำเลยๆจึงแกล้งขังแลเอาโซ่ล่าม+โจทก์ ๆ จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม. ๑๔๕ – ๒๗๐ แลประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาลักษณที่ ๒ และลักษณ ๕
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๗๐ มีกำหนด ๖ เดือน แต่ให้รอการลงอาญาไว้
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์อ้างประมวลวิธีพิจารณาความอาญาลักษณ ๒ และลักษณ ๕ มิได้อ้างมาตราซึ่งไม่ถูกต้องตามมาตรา ๑๕๘ ข้อ ๖ จึงไม่สมบูรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์อ้างมาตรา ๑๔๕ – ๒๗๐ ขอให้ลงโทษจำเลยแล้ว ส่วนที่โจทก์อ้างประมวลวิธีพิจารณาความอาญาลักษณ ๒ และ ลักษณ ๕ มาด้วยก็เป็นข้อประกอบ หาใช่เป็นบทที่ขอให้ลงโทษจำเลยไม่ แม้โจทก์จะไม่อ้างเสียเลยก็ได้ ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์