แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
+อุทธรณ์พฤตติการณ์ที่ไม่เป็นการฟัง+พะยานผิดจากสำนวน
ย่อยาว
ได้ความว่า เดิมจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ทำ หนังสือกันเองยกที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งจำเลยที่ ๓ และที่ ๑ มีกรรมสิทธิเป็นเจ้าของร่วมด้วยให้แก่โจทก์ เพื่อตอบแทนการงานและใช้เงินที่โจทก์ต้องเสียไปในการที่โจทก์ได้ช่วยจัดการเอาที่ดินของจำเลยคืนมาจากผู้แย่งกรรมสิทิ โดยจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ มิได้เกี่ยวข้อในการขอให้โจทก์จัดการเอาที่ดินมา และทั้งไม่ได้ยินยอมยกที่ดินให้โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ ๓-๔ ได้ฟ้องขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่วิวาท และได้ชนะคดีไปแล้ว โดยศาลพิพากษาว่า การยกให้ด้วยการทำหนังสือกันเองมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานนั้นใช้ไม่ได้
โจทก์ในคดีนี้จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้ง ๔ ช่วยกันใช้ทรัพย์ที่ต้องเสียไปเพื่อเอาที่ดินกลับคืนมา ๕๐๐ บาทกับค่าลงทุนก่อสร้างเพาะปลูกในที่ดินรายนี้อีก ๔๕๙ บาท ๙๐ สตางค์ ให้แก่โจทก์
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เท่านั้นเป็นผู้ขอร้องให้โจทก์จัดการเอาที่ดินคืนมาและทำหนังสือกันเองยกที่ดินให้แก่โจทก์ ๆ หลงเชื่อว่าจะได้ที่ดินเป็นของตน จึงลงทุนในที่ดินรายนี้จนกลายเป็นที่ ๆ มีผลประโยชน์ ชอบที่จะได้เงินค่าเสียหายกลับคืนมา จึงชี้ขาดให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ใช้เงิน ๒ จำนวนรวม ๙๕๙ บาท ๙๐ สตางค์ ให้แก่โจทก์
จำเลยทั้ง ๒ ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ว่า ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังข้อเท็จจริง ใจความดังกล่าวแล้วผิดจากคำในสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างวินิจฉัยคดีโดยอาศัยพฤตติการณ์และเหตุผลที่ได้จากถ้อยคำโจทก์จำเลยและคำพะยานตามสำนวนนั้นไม่เป็นการฟังข้อเท็จจริงผิดจากสำนวนให้ยกฎีกาจำเลยเสีย