แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำเงินตราต่างประเทศติดตัวมาประเทศไทยเกินกว่าจำนวนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดไว้แต่ปรากษว่าจำเลยยังมิทันนำเงินนั้นล่วงพ้นผ่านด่านศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรดังนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดตาม พรบ ว่าด้วยการนำเงินตราเข้ามาในราชอาณาจักร
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าจำเลยโดยสารรถยนต์มาจากปีนังพอถึงด่านศุลกากรประจำเขตต์แดนอำเภอเบตง เจ้าพนักงานค้นตัวจำเลยได้เงินตราต่างประเทศเป็นเงินดอลล่า ๒๘๐๐ เหรียณเท่ากับเงินไทย ๓๕๘๔ บาท โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พรบ ว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๔๘๒ ม. ๓, ๕,
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตาม พรบ ว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๔๘๒ ม. ๓ ยังเปิดโอกาศให้ผู้นำเงินตราเข้ามาขอ อนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคดีนี้เจ้าพนักงานค้นและจังจำเลยมาโดยจำเลยไม่มีโอกาศปฏิบัติการให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และนอกจากนี้โจทก์ยังนำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรตาม พรบ ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๑ ม. ๔๑, ๑๒๑, เพราะยังมิได้ล่วงพ้นจากด่าน จึงพิพากษากลับศาลจึงหวัดยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าแม้คดีนี้ จำเลยจะมีเงินติดตัวมาเกินกว่าจำนวนที่รัฐมนตรีว่าการกระทราวการคลังกำหนดไว้ก็จริงแต่จำเลยก็ยังมิทันจะได้นำเงิน นั้นล่วงพ้นผ่านด่านศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร จำเลยยังไม่มีความผิดตาม พรบ ว่าด้วยการนำเงินตราเข้ามาในราชอาณาจักร์ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์