แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศเรื่องกำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2482 จำเลยต้องขังอยู่ในเรืองจำได้นำฟ้อง อุทธรณ์ไปยื่นต่อ+เรือนจำในวันสุดท้าย++อายุความอุทธรณ์ซึ่งเป็นวันเสาร์เวลา 15.00 น.+เรือนจำรับฟ้อง อุทธรณ์ขั้นส่งต่อศาลดังนี้ ถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยยังไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๓ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ๆ ต้องขังอยู่ในเรือนจำ ๒๔๘๒ ได้ยื่น อุทธรณ์ต่อพัศดีเรือนจำเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๔๘๒ เวลา ๑๕.๐๐ น. ซึ่งเป็นวันครบกำหนดอุทธรณ์ พัศดีบันทึกวันเวลารับไว้ใน อุทธรณ์ แล้วรับส่งไปศาลจังหวัด ๆ สั่งรับอุทธรณ์โจทก์คัดค้านว่าอุทธรณ์ จำเลยขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามประกาศเรื่องเวลาทำงานและวันหยุดราชการลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๒ กำหนด เวลาทำงานวันเสาร์ตามปกติตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ น ถึง ๑๒.๐๐ น. เท่านั้นจำเลยยื่นอุทธรณ์เวลา ๑๕.๐๐ น. หมดสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์แล้ว จึงไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ จำเลย
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า กำหนดอายุอุทธรณ์ต้อง ๑๕ วันจริง ๆ และ ๑๕ วันเหมือนกันหมดมิใช่วันเสาร์เพียงเที่ยงเพราะกฎหมายมิได้ว่าดังนั้นตามประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๑๖๒ หมายความถึงเวลาทำงานตามปกติเพื่อการติดต่อระหว่างกันและกันเท่านั้น คดีนี้พัศดีรับอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการงานแล้ว เห็นว่าจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ภายในอายุความแล้ว
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยไม่ขาดอายุความ
ศาลฎีกาเห็นว่า อายุความอุทธรณ์ ๑๕ วัน ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๘, ๑๙๙ นั้นมิได้กำหนดว่าครบ ๑๕ วันในเวลาใด ตามธรรมดาต้องนับเต็มวัน ส่วนประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๑๖๒ และประกาศสำนักนายยกรัฐมนตรีลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๒ นั้นเป็นเรื่องกำหนดเวลาทำงานตามปกติ คดีนี้แม้จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ในวันเสาร์เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. ก็จริง แต่สถานที่ทำงานของพัศดียังเปิดและผู้รับก็ยังอยู่ทั้งได้รับอุทธรณ์นั้นไว้ตามทางการโดยมิได้มีการขัดข้องแต่อย่างใด และโจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าเวลา ๑๕.๐๐ น. ที่พัศดีรับ อุทธรณ์ของจำเลยเป็นเวลาราชการของพัศดีรับอุทธรณ์ของจำเลยยังเป็นเวลาทำการงานของพัศดีอยู่ จำเลยมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อพัศดีได้ คดีของจำเลยยังไม่ขาดอายุอุทธรณ์ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่