แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กล่าวคำผรุสวาทต่อหน้าศาลในเวลาพิจารณาคดีโดยตั้งใจว่าคนอื่น ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาทผู้พิพากษาหรือศาลพระธรรมนูญศาลยุตติธรรม ร.ศ.127 ม.35 (3) อำนาจอัยยการ ฎีกาอุทธรณ์ คดีที่ศาลเดิมให้ลงโทษคนอื่นซึ่งมิใช่คู่ความฐานหมิ่นประมาทศาล เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลเดิม อัยยการมีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ทูลเกล้าถวายฎีกาได้
ย่อยาว
ได้ความว่าเนื่องจากการที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดลำพูนไปตรวจแลทำแผนที่สถานที่เกิดเหตุในคดีเรื่องวางเพลิงเผาตึกมารดาจำเลย จำเลยได้กล่าววาจาขึ้นลอย ๆ ต่อหน้าผู้พิพากษาว่า “อ้ายคนที่เผาบ้านมันเป็นชาติหมูชาติหมา ไม่ใช่คนแลคนที่ว่า จำเลยแกล้งเอาไฟเผาบ้านเองนั้นเป็นคนโง่คนเง่า” ดังนี้ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดลำพูนเห็นว่าจำเลยมีผิดฐานหมิ่นประมาทศาลตาม พรบวิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ.๑๒๗ ม.๑๓๖-๑๓๗ พิพากษาให้จำคุกจำเลย ๗ วัน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง
อัยยการเข้าเป็นโจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกล่าวถ้อยคำผรุสวาทไม่สมควรก็จริง แต่ได้มุ่งกล่าวแก่คนที่ลอบเผาบ้านแลคนที่ว่ามารดาจำเลยโดยตรงไม่ได้มุ่งกล่าวถึงศาลหรือผู้พิพากษาเลยจะว่าเป็นการหมิ่นประมาทศาลหรือผู้พิพากษาอันจะเป็นผิดตาม พรบวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๑๓๖-๑๓๗ ยังไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์