แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีหุ้นส่วนอยู่ในกิจการไฟฟ้าร่วมกับ ส. ต่อมาบริษัทโจทก์ก่อตั้งขึ้นโดยรับเอากิจการไฟฟ้านั้นไปเป็นของบริษัทโจทก์ ส.เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทโจทก์และเป็นประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัทโจทก์เสนอขายกิจการไฟฟ้านั้นให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอ้างว่า ส.ในฐานะส่วนตัวไม่มีอำนาจเอากิจการไฟฟ้าซึ่งจำเลยมีหุ้นส่วนร่วมกับ ส.ไปเสนอขายโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงยับยั้งการซื้อกิจการไฟฟ้าของบริษัทโจทก์ การกระทำของจำเลยดังนี้ไม่เป็นการละเมิดต่อบริษัทโจทก์เพราะจำเลยกล่าวอ้างแสดงสิทธิของตนตามความจริงและเพื่อรักษาสิทธิของตนโดยชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประกอบกิจการค้าโดยตั้งโรงงานไฟฟ้าจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชนที่ตำบลอินทร์บุรีบริษัทโจทก์ได้เสนอขายโรงไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การเจรจาซื้อขายจะสำเร็จเรียบร้อยแล้วจำเลยมีหนังสือถึงผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขอให้งดซื้อกิจการไฟฟ้าของบริษัทโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยมีหุ้นส่วนอยู่ในกิจการไฟฟ้าของบริษัทโจทก์เป็นมูลค่า ๑๐๐,๐๐๐บาท จำเลยไม่ยอมขายกิจการไฟฟ้านี้ เป็นเหตุให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคงดซื้อทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ เป็นการละเมิดทำให้บริษัทโจทก์ได้รับความเสียหายด้วยความจงใจและผิดกฎหมาย เพราะจำเลยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีหุ้นหรือเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยถอนหนังสือนั้นเสีย ฯลฯ ห้ามเกี่ยวข้องขัดขวางการใช้สิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัทโจทก์อีกต่อไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยมีหุ้นส่วนในกิจการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าตำบลอินทร์บุรีร่วมกับ นายไสว พูลแก้วเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท บริษัทโจทก์ก่อตั้งขึ้นโดยรับเอากิจการของหุ้นส่วนระหว่างจำเลยกับนายไสวดังกล่าวมาเป็นของบริษัทโจทก์ นายไสวถือหุ้นอยู่ในบริษัทโจทก์เท่าใดก็ตาม จำเลยก็มีหุ้นร่วมกับนายไสวด้วย ๑๐๐,๐๐๐ บาท นายไสวได้นำเอาทรัพย์สินของหุ้นส่วนระหว่างจำเลยกับนายไสวไปเสนอขาย จำเลยมีสิทธิโดยชอบที่จะร้องให้ผู้ซื้อยับยั้งไว้ก่อน เพราะหุ้นส่วนระหว่างจำเลยกับนายไสวยังไม่ได้เลิก
คู่ความแถลงรับกันบางประการ ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยถอนหนังสือที่ได้ยื่นไว้ต่อผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฎตามที่คู่ความรับกันว่า การที่จำเลยมีหนังสือถึงผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น จำเลยอ้างเพียงว่านายไสวในฐานะส่วนตัวไม่มีอำนาจเอากิจการไฟฟ้าพูลแก้วซึ่งจำเลยมีหุ้นส่วนร่วมกับนายไสวไปเสนอขายโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยเท่านั้น แสดงว่าจำเลยอ้างแสดงสิทธิของตนตามความจริงว่ามีหุ้นส่วนอยู่ในกิจการไฟฟ้าพูลแก้วร่วมกับนายไสวตามคำพิพากษาคดีแดงที่ ๔/๒๔๙๕ เป็นการกล่าวอ้างเพื่อรักษาสิทธิของตนโดยชอบ มิได้กล่าวอ้างว่าตนมีหุ้นอยู่ในบริษัทโจทก์ และขอให้งดซื้อกิจการไฟฟ้าบริษัทโจทก์ดังฟ้อง และการที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยับยั้งการซื้อกิจการของบริษัทโจทก์ ก็ไม่ได้เกี่ยวถึงการอ้างสิทธิเรียกร้องที่มีต่อบริษัทโจทก์แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อบริษัทโจทก์ พิพากษายืน