คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายมีใจความชัดแจ้งว่า คู่สัญญามีเจตนามุ่งซื้อขายที่ดินกันเด็ดขาด ไม่มีข้อความใดแสดงว่าคู่สัญญามีเจตนาจะไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง อันจะทำให้เห็นว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขาย เมื่อมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456
ตามสัญญาซื้อขาย คู่สัญญามีเจตนามุ่งให้สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด และไม่มีทางจะแปลได้ว่าเป็นสัญญาจะซื้อขายแล้ว เมื่อสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ นิติกรรมนี้จะสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136 ไม่ได้
สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนการขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายท้ายฟ้อง
จำเลยที่ ๑ สู้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของนายคำดีสามีโจทก์กับนายพีจำเลยไม่มีสิทธิจะนำไปขายให้โจทก์ จำเลยลงชื่อในสัญญาในฐานะพยาน โจทก์ไปเขียนเอาเองว่าเป็นผู้ขาย โจทก์กับพวกเขียนชื่อนายดำดีปลอมขึ้น สัญญาเป็นโมฆะ จำเลยเป็นหญิงมีสามี ไม่ได้รับความยินยอมจากสามีให้ทำการขาย สัญญาบังคับจำเลยไม่ได้
จำเลยที่ ๒ สู้ว่า จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายคำดี ที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับนายคำดี โจทก์กับพวกสมคบกันเขียนชื่อนายคำดีเมื่อป่วยหนักแล้ว จำเลยไม่ได้ยินยอมให้ซื้อขายที่พิพาท สัญญาซื้อขายปลอม นางคานไม่มีสิทธิในที่พิพาท การที่ไปลงชื่อในสัญญาซื้อขายจึงไม่ชอบ
นายพี คำศรี ขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
โจทก์แถลงว่าที่พิพาทไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่เคยครอบครอง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นายดี(คำดี) นางคาน นางผาน ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์ นายพีผู้ร้องไม่มีสิทธิในที่พิพาท ให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายให้โจทก์
จำเลยและผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สัญญาซื้อขายที่พิพาทเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาดไม่ใช่สัญญาจะซื้อขายเมื่อมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นโมฆะ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาซื้อขายมีใจความชัดแจ้งว่าคู่สัญญามีเจตนามุ่งซื้อขายที่ดินกันเด็ดขาด ไม่มีข้อความใดแสดงว่าคู่สัญญามีเจตนาจะไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง ซึ่งจะให้เห็นว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขาย เมื่อมิได้ไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ ที่โจทก์ฎีกาว่า แม้สัญญาจะเป็นโมฆะในฐานะเป็นสัญญาซื้อขายก็ยังสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖ เห็นว่าตามสัญญานั้นคู่สัญญามีเจตนามุ่งให้เป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด และไม่มีทางจะแปลได้ว่าเป็นสัญญาจะซื้อขายเมื่อสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ นิติกรรมนี้จะสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖ ไปไม่ได้ ที่โจทก์คัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิพากษานอกประเด็นนั้น เห็นว่า ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้ยกขึ้นอ้างว่า สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ใช้บังคับไม่ได้มาด้วย แม้จะไม่ได้อ้างเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ มาโดยตรง แต่สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ ได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๒(๕)
พิพากษายืน

Share