คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันสุดท้ายของระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ อ้างเหตุว่า คดีครบกำหนดที่จำเลยต้องยื่นอุทธรณ์ แต่เนื่องจากจำเลยได้ถอนทนายความเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ ซึ่งทนายความคนใหม่ไม่ทราบรายละเอียดในการดำเนินคดีตั้งแต่ต้นเพื่อทำคำฟ้องอุทธรณ์ยื่นต่อศาล จำเลยจึงขอขยายระยะเวลา ยื่นอุทธรณ์ออกไป 20 วัน นับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์ เพื่อให้ทนายความคนใหม่ได้ศึกษารายละเอียดต่าง ๆซึ่งมีเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายฉบับพยานบุคคลหลายปากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามคำร้องของ จำเลยเช่นนี้ส่อแสดงว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการในระยะเวลาอันควรเพื่อยื่นอุทธรณ์เสียตั้งแต่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาทั้งที่มีระยะเวลานานถึง 1 เดือน จำเลยกลับปล่อยปละละเลยไม่สนใจคดีของตนจนกระทั่งวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์จึงเพิ่งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อ้างเหตุเปลี่ยนทนายความ กรณีนับเป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยเอง และพฤติการณ์เป็นการประวิงคดีให้ล่าช้ามิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ในสำนวนหลังเป็นโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 3644 เป็นของโจทก์ที่ 1 และที่ดินโฉนดเลขที่ 3620 เล่มที่ 37 หน้าที่ 20 ตำบลเมืองไผ่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 และนิติกรรมการซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 3644 และโฉนดเลขที่ 3620 เป็นโมฆะ ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นเนื่องจากฟ้องโจทก์มิได้มีคำขอให้บังคับเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
ครั้นถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 20 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2539 จำเลยที่ 2ขอถอนทนายความเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2539 จำเลยที่ 2สามารถถอนทนายความและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ให้ดำเนินคดีได้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น เหตุผลในการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ไม่ถือว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามสำนวนปรากฏว่าในวันสุดท้ายของระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อ้างเหตุว่า คดีครบกำหนดที่จำเลยที่ 2 ต้องยื่นอุทธรณ์ แต่เนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้ถอนทนายความเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ ซึ่งทนายความคนใหม่ไม่ทราบรายละเอียดในการดำเนินคดีตั้งแต่ต้นเพื่อทำคำฟ้องอุทธรณ์ยื่นต่อศาล นับว่ามีเหตุขัดข้องอย่างยิ่งจำเลยที่ 2 จึงขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 20 วันนับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์ เพื่อให้ทนายความคนใหม่ได้ศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งมีเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายฉบับพยานบุคคลหลายปาก เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขอศาลได้โปรดอนุญาต พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 บัญญัติให้ศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายนี้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้นเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย แต่ตามคำร้องของ จำเลยที่ 2 ข้างต้นส่อแสดงว่าจำเลยที่ 2 เพิกเฉยไม่ดำเนินการในระยะเวลาอันควรเพื่อยื่นอุทธรณ์เสียตั้งแต่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาทั้งที่มีระยะเวลานานถึง 1 เดือน จำเลยที่ 2 กลับปล่อยปละละเลยไม่สนใจคดีของตนจนกระทั่งวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ จึงเพิ่งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อ้างเหตุเปลี่ยนทนายความกรณีนับเป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองและพฤติการณ์น่าจะเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า หาใช่พฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ดังที่กฎหมายบัญญัติไว้ข้างต้นไม่
พิพากษายืน

Share