คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2529

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทนายความที่จำเลยแต่งตั้งให้เข้ามาดำเนินคดีแทนมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62การที่ศาลแรงงานกลางสอบถามข้อเท็จจริงจากทนายจำเลยในวันนัดพิจารณาเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นพิพาท และทนายจำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของทนายจำเลยที่จะกระทำได้โดยชอบ คำแถลงหรือข้อเท็จจริงซึ่งทนายจำเลย แถลงรับต่อศาลจึงรับฟังได้ จำเลยที่ 1 เจ้าของกิจการเรือประมงได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ไต้ก๋งเรือดำเนินกิจการโดยให้มีอำนาจหน้าที่จัดหาหรือว่าจ้างลูกเรือหรือคนงาน จำเลยที่ 1 มีหน้าที่จ่ายค่าจ้าง ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 มิใช่จำเลยที่ 2 รับเหมากิจการเรือประมงของจำเลยที่ 1 ดำเนินการเมื่อจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์เป็นลูกเรือ ต้องถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้าง ของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 จะได้รับค่าจ้างสำหรับลูกเรือไปจากจำเลยที่ 1 แล้วไม่นำไปจ่ายให้โจทก์จำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิด จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างครบถ้วนแล้วหรือไม่ ให้เป็นประเด็นในคำให้การต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติตามฟ้อง

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าจ้างแก่โจทก์จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า”จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า ทนายจำเลยที่ 1 มีอำนาจหน้าที่ทำแทนจำเลยที่ 1 เฉพาะการดำเนินกระบวนพิจารณา ไม่มีอำนาจแถลงข้อเท็จจริงใด ๆ ต่อศาล การที่ทนายจำเลยที่ 1 แถลงข้อเท็จจริงต่อศาลแรงงานแทนจำเลยที่ 1 ในวันนัดพิจารณานั้นเป็นการไม่ชอบ คำแถลงของทนายจำเลยที่ 1 ไม่อาจรับฟังหรือใช้เป็นพยานหลักฐานได้
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายจำเลยที่ 1 เป็นผู้ที่จำเลยที่ 1แต่งตั้งให้เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะทนายความจึงมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยที่ 1ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62การที่ศาลแรงงานกลางสอบถามข้อเท็จจริงจากทนายจำเลยในวันนัดพิจารณาเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาท และที่ทนายจำเลยที่ 1 แถลงรับข้อเท็จจริงนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งซึ่งอยู่ในอำนาจของทนายจำเลยที่ 1 ที่จะกระทำได้โดยชอบ ไม่ใช่เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจ การกระทำของทนายจำเลยที่ 1 ย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จะปฏิเสธไม่ยอมรับผิดต่อการกระทำของทนายจำเลยที่ 1 หาได้ไม่คำแถลงของทนายจำเลยที่ 1 หรือข้อเท็จจริงซึ่งทนายจำเลยที่ 1แถลงรับต่อศาลแรงงานกลางจึงรับฟังได้
มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ต่อไปว่าข้อเท็จจริงซึ่งทนายจำเลยที่ 1 แถลงรับนั้น เพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทในปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 แล้วหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ทนายจำเลยที่ 1 แถลงรับว่าจำเลยที่ 1เป็นเจ้าของกิจการเรือประมง แต่ในการออกจับปลาซึ่งเป็นกิจการของจำเลยที่ 1 นั้นจำเลยที่ 1 ได้มอบให้จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นไต้ก๋งเรือเป็นผู้จัดหาหรือว่าจ้างลูกเรือหรือคนงานเองโดยจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้อง จำเลยที่ 1 มีหน้าที่เพียงจ่ายค่าจ้างหรือค่าแรงสำหรับลูกเรือหรือคนงานซึ่งจำเลยที่ 2จัดหามาให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อนำไปจ่ายแก่ลูกเรือหรือคนงานเองและจำเลยที่ 1 ได้จ่ายเงินค่าจ้างหรือค่าแรงสำหรับลูกเรือหรือคนงานให้แก่จำเลยที่ 2 ครบถ้วนแล้ว ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ว่าจ้างโจทก์หรือจ่ายค่าแรงให้แก่โจทก์โดยตรงก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1เป็นเจ้าของกิจการเรือประมง และจำเลยที่ 1 ได้มอบให้จำเลยที่ 2 ดำเนินกิจการเรือประมงของจำเลยที่ 1 โดยให้มีอำนาจหน้าที่จัดหาหรือว่าจ้างลูกเรือหรือคนงานเอง จำเลยที่ 1มีหน้าที่จ่ายค่าจ้างหรือค่าแรงให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานซึ่งจำเลยที่ 2 จัดมาหรือว่าจ้างนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 1 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 2 ให้เป็นผู้ดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 รับเหมากิจการเรือประมงของจำเลยที่ 1ไปดำเนินการ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์เป็นลูกเรือหรือคนงานเรือประมงต้องถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อที่จำเลยที่ 2 ได้รับเงินค่าจ้างหรือค่าแรงสำหรับลูกเรือหรือคนงานไปจากจำเลยที่ 1 แล้วนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้จ่ายให้แก่โจทก์ จึงไม่ทำให้จำเลยที่ 1พ้นความรับผิด ข้อที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าปัญหาที่ว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างครบถ้วนแล้วหรือไม่ เป็นปัญหาที่ยังโต้เถียงกันอยู่ยังไม่ยุตินั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นในคำให้การ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติตามฟ้อง
ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าจ้างค้างชำระแก่โจทก์นั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์ทุกข้อของจำเลยที่ 1ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share