แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องตอนต้นว่าคนร้ายลักไม้ของเจ้าทรัพย์ไป ต่อมาจับไม้ที่หายบางส่วนได้จากจำเลยที่ 2,3,4 โจทก์กล่าวยืนยันเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 ได้สมคบกันจำเลยที่ 2,3,4 ลักไม้หรือสมคบกันรับไม้ของกลางไว้จากคนร้าย ฯลฯ นั้นมีข้อความชัดพอให้จำเลยที่ 1 เข้าใจได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า มีคนร้ายลักไม้สท้อน ๓ ท่อนราคา ๒๔๐ บาท ของบริษัทวโรทัย จำกัด อยู่ในความควบคุมดูแลรักษาของนายสอาดไป ต่อมาได้ไม้สะท้อนที่หายบางส่วนจากจำเลยที่ ๒-๓-๔ ขณะจำเลยทั้งสามล่องไม้มาตราลำน้ำนครนายก ทั้งนี้จำเลยทั้งสี่คนในคดีนี้สมคบกันเป็นคนร้ายลักไม้สะท้อนไป หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งสี่ได้สมคบกันรับไม้สะท้อนที่ได้จากจำเลยไว้จากคนร้ายโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธทุกคน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายป่วนจำเลยผู้เดียวผิดตามมาตรา ๓๒๑ จำคุก ๖ เดือน ยกฟ้องปล่อยจำเลยอื่น
นายป่วนจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายป่วนจำเลยฎีกาว่า ฟ้องเคลือบคลุม ฯลฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องตอนต้นว่า คนร้ายลักไม้ของเจ้าทรัพย์ไป ต่อมาจับไม้ที่หายบางส่วนได้จากจำเลยที่ ๒-๓-๔ โจทก์กล่าวยืนยันเฉพาะจำเลยที่ ๑ ว่าจำเลยที่ ๑ ได้สมคบกับจำเลยที่ ๒-๓-๔ ลักไม้ไปหรือสมคบกันรับไม้ของกลางไว้จากคนร้าย โดยรู้อยู่ว่าแล้วว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ดังนี้มีข้อความชัดพอให้จำเลยที่ ๑ เข้าใจได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ฯลฯ
จึงพิพากษายืน