คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีที่จะต้องแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ม.164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันลักทรัพย์ของโจทก์ไปรวมราคา 4,645 บาทจึงขอให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 293, 294, 295, 63และให้ใช้ราคาทรัพย์

จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 เคยเป็นสามีภริยากัน แต่หย่าขาดกันแล้วเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2496 ยังไม่ได้แบ่งทรัพย์กัน จำเลยที่ 2 และ 3 เป็นบุตรของโจทก์กับจำเลยที่ 1 โจทก์เมาสุราทุบตีดุด่าจำเลยที่ 2 ๆ จึงไปอยู่กับจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไปขนของส่วนตัวซึ่งอยู่ที่ร้านโจทก์ จำเลยที่ 3 ไปช่วยจำเลยที่ 2 ขน ไม่ได้เอาทรัพย์อย่างอื่นมาด้วย

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วงดสืบพยานจำเลย ฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์ต่าง ๆ นอกจากเงิน 2,000 บาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จำเลยไม่มีเถยยะจิตเป็นโจร ไม่มีมูลเป็นผิดอาญา และจะบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยส่วนข้อโต้เถียงทางแพ่งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติขยายอายุความของสิทธิเรียกร้องระหว่างสามีภริยา หาใช่ว่าถ้าทรัพย์สินตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปี แล้วฝ่ายที่ครอบครองทรัพย์อยู่นั้นจะได้กรรมสิทธิ์ไม่ การแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 มิได้กำหนดเวลาการใช้สิทธิลงไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตาม มาตรา 164 ส่วนในเรื่องคืนทรัพย์นั้น พยานหลักฐานที่ได้ความยังไม่พอชี้ขาดได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share