คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขาที่นอนหมอนมุ้งมิใช่เป็นการค้าประเภทการทำเครื่องเรือนและช่างไม้ ตามพระราชกฤษฎีาออกตามความใน ป.ม.รัษฎากร ที่นอนหมอนมุ้งที่โจทก์ค้า ไม่ใช่เครื่องเรือน หรือส่วนประกอบตามความหมายแห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

ย่อยาว

คดีมาสู่ศาลฎีกาฉะเพาะคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์ตั้งต้านค้าทำการค้าสินค้าขายที่นอนหมอนมุ้ง เจ้าพนักงานสรรพากรให้ถือว่า เป็น “การตัดเย็บเสื้อ” ซึ่งหักค่าใช้จ่ายเพียงร้อยละ ๘๐ จึงได้เรียกภาษีเงินได้ และเงินช่วยชาติเพิ่มอีก รวม ๓๕๓๕ บาท ๒๘ สต. โจทก์อุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมสรรพากรว่า การขายที่นอนหมอนมุ้งเป็นการค้าของคนกลาง ไม่ใช่เป็นการตัดเย็บเสื้อดังคำวินิจฉัยของพนักงานประเมิน อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งว่า การขายที่นอนหมอนมุ้งเป็น “การทำเครื่องเรือน” ซึ่งคิดหักได้ร้อยละ ๘๐ เช่นเดียวกัน ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงอ้างข้อคัดค้านต่อศาล และขอให้ศาลพิพากษาว่า การขายที่นอนหมอนมุ้งเป็นการค้าของคนกลาง ซึ่งหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ ๙๕ ขอให้ปลดภาษีที่เรียกเพิ่งจากโจทก์ จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานและคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพากร เป็นการประเมินและชี้ขาดที่ถูกต้องแล้ว คู่ความแถลงรับกันบางข้อ และอ้างเอกสารเป็นพยาน แล้วงดสืบพยาน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่นอนหมอนมุ้งจัดอยู่ในประเภทเครื่องหลับนอน มิใช่เครื่องเรือน และจะสงเคราะห์ให้เป็นส่วนประกอบของเครื่องเรือนไม่ได้ เพราะไม่จำต้องใช้คู่กับเตียงนอนเสมอ ดังนั้น การขายที่นอนหมอนมุ้งไม่เป็นการทำเครื่องเรือนตามคำชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากร พิพากษาให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ ๓๒๓๒ บาท ๗๒ สตางค์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ที่นอนหมอนมุ้งเป็นเครื่องเรือนหรือไม่ คู่ความมิได้โต้เถียง ศาลล่างไม่น่าจะยกขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นประเด็นโดยตรงจากฟ้อง และคำให้การ ซึ่งศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาด และข้อที่จำเลยฎีกาว่า การค้าของโจทก์เป็นการทำเครื่องเรือนนั้น ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรในเรื่องนี้มีว่า “การทำเครื่องเรือนและช่างไม้รวมทั้งการขายส่วนประกอบ” ที่นอนหมอนมุ้งที่โจทก์ค้านั้น ไม่ใช่เครื่องเรือนหรือส่วนประกอบตามความหมายแห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว
พิพากษายืน

Share