คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9422/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ของจำเลยต้องด้วยบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 89 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยให้จำคุก 5 ปี ซึ่งเป็นโทษขั้นต่ำที่สุดตามกฎหมายสำหรับความผิดนั้น ทั้งยังลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากมีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 อันเป็นการลดโทษมากที่สุดที่จะลดได้ตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว ทั้ง พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ไม่มีบทบัญญัติให้ลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ในกรณีที่จำเลยเป็นผู้กระทำความผิดผู้ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน จึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะลงโทษจำเลยให้น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89, 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เกินปริมาณที่กำหนด เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เกินปริมาณที่กำหนด ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี ปรับ 300,000 บาท ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี ปรับ 300,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกข้อหาละ 2 ปี 6 เดือน ปรับข้อหาละ 150,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2) (ที่ถูก ไม่ต้องปรับบทวรรคสาม (2)), 66 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่ความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2ไว้เพื่อขายและขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ให้ลงโทษฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่ลงโทษปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดเนื่องจากจำเลยให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดรายอื่นได้พร้อมด้วยยาเสพติดให้โทษเป็นจำนวนมาก ประกอบกับยาเสพติดให้โทษของกลางมีจำนวนน้อยและพฤติการณ์แห่งความผิดไม่ร้ายแรงนั้น เห็นว่า ความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ของจำเลยต้องด้วยบทกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 89 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยให้จำคุก 5 ปี ซึ่งเป็นโทษขั้นต่ำที่สุดตามกฎหมายสำหรับความผิดนั้น ทั้งยังลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันเป็นการลดโทษมากที่สุดที่จะลดได้ตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว ทั้งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ไม่มีบทบัญญัติให้ลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ในกรณีที่จำเลยเป็นผู้กระทำความผิดผู้ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน จึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะลงโทษจำเลยให้น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำดังกล่าวได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยมีส่วนก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท สร้างความเสียหายแก่สังคมส่วนรวมอย่างกว้างขวาง พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะมีภาระเลี้ยงดูครอบครัวหรือมีเหตุอื่นดังที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็มิใช่เหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share