คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939-940/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เข้าหุ้นส่วนกันรับเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมัน เมื่อบริษัทน้ำมันบอกเลิกไม่ให้หุ้นส่วนนั้นเป็นตัวแทนอีกต่อไป หาเป็นเหตุทำให้หุ้นส่วนนั้นเลิกจากกันตาม ม.1055(3)ไม่ ลงประกาศหนังสือพิมพ์ว่าหุ้นส่วนเลิกจากกันแล้วและว่าหุ้นส่วนผู้หนึ่งไม่ได้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนั้นต่อไปแล้ว แต่ความจริงหุ้นส่วนนั้นยังหาได้เลิกจากกันไม่ ผู้ประกาศยอมต้องรับผิดในความเสียหายฐานเลมิดตาม ม.423
ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.249 ประเด็นข้อใดที่มิได้เป็นประเด็นข้อทุ่มเถียงกันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกันใช้นามว่า “กงฮกหิ้นกงษี” และไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันของบริษัท อ.แต่ในสัญญาไม่ได้กำหนดอายุสัญญาหรือจะเลิกสัญญาอย่างใด ต่อมาดูสัญญาหุ้นส่วนนี้ได้ไปทำสัญญากับบริษัท อ.รับเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมัน ในสัญญามีข้อความว่าคู่สัญญาอาจบอกเลิกสัญญาได้โดยแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงน่าเป็นหนังสือมีกำหนด ๓ เดือน ตอ่มาโจทก์จำเลยไม่ปรองดองกันบริษัท อ. จึงบอกเลิกสัญญากับโจทก์จำเลย จำเลยได้แจ้งเรื่องที่บริษัท อ. บอกเลิกสัญญาไปให้โจทก์ทราบ และบอกให้โจทก์ไปชำระบัญชีแต่โจทก์ไม่ไป จำเลยที่ ๑ ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ไทยใหม่ ใจความว่า ห้างหุ้นส่วนกงฮกหิ้นกงษีได้เลิกกันแล้วแต่วันที่ ๑ ธันวาคม โจทก์ไม่เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนต่อไป และภายหลังจากนั้นจำเลยทั้ง ๒ ได้ทำสัญญากับบริษัทรับเป็นผู้แทนขายน้ำมันของบริษัทนั้นอีก แต่ทำสัญญาในนามกงฮกหิ้นกงษี แต่ลงนางจำเลย ๒ คน เท่านั้น ไม่มีข้อโจทก์ในสัญญา โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้ง ๒ ว่าลงหนังสือพิมพ์เท็จ ขอให้ประกาศแก้และเรียกค่าเสียหาย ๒๐๐ บาท
ศาลล่างทั้ง ๒ เห็นว่าสัญญาเข้าหุ้นส่วนรับเป็นผู้แทนจำหน่ายน้ำมันระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นยังไม่เลิกจากกัน กรณีไม่เข้ามาตรา ๑๐๕๕(๓) ข้อความในประกาศจึงไม่ใช่ความจริง จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแต่โจทก์ไม่ได้แสดงว่าเสียหายอย่างไรเท่าใด พิพากษาให้จำเลยทั้งสองประกาศแก้ไขข้อความที่ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ไทยใหม่
จำเลยฎีกาว่า
๑. การเป็นตัวแทนของบริษัท อ. เป็นกิจการตาม ม.๑๐๕๕(๓) เมื่อบริษัท อ. บอกเลิก หุ้นส่วนต้องเลิก
๒.การที่บริษัทอ.บอกเลิกสัญญาตัวแทนขายน้ำมันก็เพราะบริษัทรังเกียจโจทก์อันแสดงว่าหุ้นส่วนจะทำการติดต่อกับบริษัทไม่ได้ ในเมื่อโจทก์ยังเป็นหุ้นส่วนอยู่ หุ้นส่วนนี้มีเหตุเหลือวิสัยจะดำรงอยู่ตามมาตรา ๑๐๕๗(๓)
๓. การประกาศหนังสือพิมพ์ไม่เป็นการเลมิดตามมาตรา ๔๒๓
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาข้อ ๒ ของจำเลยนั้นมิได้เป็นข้อทุ่มเถียงกันมาแต่ต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย สำหรับฎีกาข้อ ๑ นั้น เห็นว่ากรณีเรื่องนี้ไม่เข้ามาตรา ๑๐๕๕ ข้อ ๓ เพราะหุ้นส่วนอาจร้องขอกับบริษัท อ. ขอทำสัญญาใหม่ในนามของหุ้นส่วนเดิมได้ และเรื่องนี้จำเลยทั้ง ๒ ก็ได้สัญญาใหม่กับบริษัท อ. ในนามของห้างหุ้นส่วนเดิมซึ่งเท่ากับทำแทนโจทก์ เพราะโจทก์ยังเป็นหุ้นส่วนอยู่ ส่วนฎีกาข้อ ๓ นั้นเห็นว่าการที่จำเลยลงหนังสือพิมพ์อันผิดไปจากความจริงเป็นที่เสียหายแก่โจทก์ กรณีเข้ามาตรา ๔๒๓ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง

Share