คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องขอไห้สาลสั้งว่าไบมอบฉันทะที่มีลายมือโจทเปนโมคะและขอไห้ทำลายการโอนระหว่างโจทกับจำเลย ซึ่งจำเลยไห้การปติเสธ คดีมีประเด็นว่าไบมอบฉันทะเปนลายมือโจทและภรรยาหรือไม่ จำเลยมิได้มีพยานผู้ชำนาญมาสืบ จึงไม่ควนฟังว่าเปนลายมือโจทนั้น เปนหน้าที่โจทต้องนำสืบ

ย่อยาว

คดีนี้โจทฟ้องขอไห้สาลสั่งว่าไบมอบฉันทะเปนโมคะและขอไห้ทำลายการโอนขายที่ดินระหว่างนายย้อยผู้รับมอบจากโจทผู้ขายจำเลยผู้ซื้อตามโฉนดที่ ๙๗๙๕ และโฉนดที่ ๔๒๘ นั้นเสีย คืนนา ๒ แปลงไห้โจทกับนางช้อยถ้าคืนมาไม่ได้ก็ไห้ไช้ค่าเสียหาย ๕๐๐๐ บาท
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิฉัยต้องกันว่าโจทกับนางช้อยได้ลงลายมือไนไบมอบฉันทะโอนมาไห้จำเลยเพื่อเปนการไช้หนี้จำเลย จึงพิพากสายกฟ้องโจท.
โจทดีกา สาลดีกาเห็นพ้องด้วยกับข้อวินิฉัยของสาลล่างทั้งสองที่ว่าโจทกับนางช้อยภรรยาได้ลงลายมือไบมอบฉันทะโอนโฉนด ๒ ฉบับนั้นขายแก่จำเลย เนื่องจากโจทเปนหนี้จำเลยหยู่จิง.
ข้อที่โจทดีกาว่าเปนหน้าที่จำเลยต้องนำสืบว่าไบมอบฉันทะเปนลายมือโจทและภรรยาหรือไม่ แต่จำเลยมิได้มีพยานผู้ชำนาณมาสืบจึงไม่ควนฟังว่าเปนลายมือโจทนั้น สาลดีกาเห็นว่าประเด็นข้อนี้โจทเปนผู้อ้างว่าจำเลยเปนผู้ปลอมขึ้น ฝ่ายจำเลยปติเสธ ตามกดหมายต้องตกเปนหน้าที่โจทสืบ หาไช่หน้าที่จำเลยไม่รูปคดีของโจทไม่มีทางชนะคดีได้ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์.

Share