คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9181/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.วิ.อ. มาตรา 182 วรรคสอง มีจุดมุ่งหมายให้คู่ความได้ทราบคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกา ดังนั้นเมื่อในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลได้จดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้โจทก์ฟังแล้ว โดยผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์ลงลายมือชื่อไว้ โดยมิได้โต้แย้งทันทีว่าการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ซึ่งต่อมาโจทก์ก็ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าคดีมีมูล แสดงว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จึงต้องถือว่าการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 289 (1) (4) พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 38, 42, 46
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ฎีกาคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอ่านคำพิพากษาไม่ถูกต้องชอบธรรมและไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาที่มิได้เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาชี้ขาด จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ให้รับฎีกาของโจทก์และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป” คำสั่งศาลฎีกาดังกล่าวรับฎีกาของโจทก์ไว้เฉพาะประเด็นว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพียงประเด็นเดียวเท่านั้น จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์ฎีกาทำนองว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสั่งให้เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์เป็นผู้อ่านอธิบายคำพิพากษาให้ผู้แทนโจทก์ฟัง เป็นเหตุให้การอ่านคำพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณาอ่านคำพิพากษาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรคสอง บัญญัติให้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งในศาลโดยเปิดเผย ก็โดยมีจุดมุ่งหมายให้คู่ความได้ทราบคำพิพากษาหรือคำสั่ง เพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาแล้วแต่กรณี คดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องเสร็จแล้วนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในวันที่ 21 ตุลาคม 2548 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัด ศาลชั้นต้นจดรายการกระบวนพิจารณาเวลา 9 นาฬิกา ว่า นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งวันนี้ ผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้โจทก์ฟังแล้ว โดยมีผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์ลงลายมือชื่อไว้มิได้โต้แย้งทันทีว่าการอ่านคำพิพากษาดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ซึ่งต่อมาโจทก์อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าคดีโจทก์มีมูลแสดงให้เห็นว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว จึงต้องถือว่าการอ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเพิกถอนกระบวนพิจารณาอ่านคำพิพากษาดังกล่าว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share