แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนโดยมิได้รับอนุญาตมีความผิดตาม พ.ร.บ.อากรค่าน้ำ ร.ศ.120 ม.18 แม้ผู้อื่นจะได้เสียอาชญาบัตร์สำหรับอวนนั้นแล้วก็ยังต้องเป็นผิดตามกฎหมายข้างบนอาชญา ม.27-28 ดุลยพินิจ เอาอวนของผู้อื่นซึ่งเขา+เสียค่าอาชญาบัตร์แล้วไปใช้จับสัตว์น้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตอ่านว่ายังไม่ควรริบ
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้เครื่องมืออวนจับสัตว์น้ำโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จึงขอให้ลงโทษและริบอวนของกลาง
ได้ความว่าอวนที่จำเลยใช้จับสัตว์น้ำนี้จำเลยได้ใช้โดยมิได้รับอนุญาตจริงแต่อวนรายนี้เป็นของ ม. และ ม.ได้เสียค่าอาชญาบัตร์สำหรับอวนนี้แล้ว
ศาลเดิมพิพากษาเห็นว่าตามพ.ร.บ.อากรค่าน้ำ ร.ศ.๑๒๐ อวนเป็นเครื่องมือที่ต้องเสียค่าอาชญาบัตร์แลตามมาตรา ๖ เป็นค่าอาชญาบัตร์คุ้มอวน ไม่ใช่ค่าอนุญาตตามตัวคนที่ใช้เครื่องมือ เมื่ออวนได้เสียค่าอาชญาบัตร์แล้วใคร ๆ จะนำไปใช้ก็ได้ กฎหมายไม่มีความประสงค์จะเก็บภาษีสำหรับเครื่องมือแลบุคคลที่ใช้ด้วยทั้ง ๒ อย่าง จึงพิพากษายืนตามศาลเดิม
ศาลฎีกาเห็นว่าตามพ.ร.บ.อากรค่าน้ำ ร.ศ.๑๒๐ ม.๑๑ แล ๑๘ ผู้ใดใช้เครื่องมือโดยมิได้รับอนุญาตมีความผิดแลตามมาตรา ๑๓ ให้อำนาจรัฐมนตรียกเว้นค่าอนุญาตตามรายตัวบุคคลที่ใช้เครื่องมือไว้ด้วย ซึ่งถ้าหากว่าบุคคลอื่น ๆ มีอำนาจใช้เครื่องมือที่เสียค่าอาชญาบัตร์ได้ทุกคนโดยไม่จำกัดแล้ว ก็ไม่มีเหตุต้องบัญญัติเรื่องยกเว้นดังกล่าวข้างต้น แลตามประกาศแก้ไขลงวันที่ ๗ พฤศจิการยน ร.ศ.๑๒๘ เห็นว่าการเก็บค่าอาชญาบัตร์ กฎหมายมีความประสงค์ไม่ฉะเพาะแต่เก็บสำหรับคุ้มเครื่องมือพร้อมกันไปด้วยจะเว้นให้ก็แต่ฉะเพาะบุคคลในครัวเรือนกับ ม.แลมิได้มีชื่ออยู่ในอาชญาบัตร์ด้วยแลตามประกาศก็มีถ้อยคำชัดว่า ให้เจ้าพนักงานถามผู้ขออนุญาตว่าจะให้คุ้มผู้ใดในครัวเรือนเดียวกันบ้าง แล้วคนเหล่านั้นจึงจะมีอำนาจใช้เครื่องมือได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจะแปลความในทางตรงกันข้ามก็ต้องแปลว่าผู้ซึ่งไม่มีชื่อในอาชญาบัตร์ไม่มีอำนาจที่จะใช้เครื่องมือได้ส่วนข้อที่ว่าการเสียค่าอาชญาบัตร์กฎหมายบัญญัติให้เสียแต่ผู้ขอผู้เดียว ไม่ต้องเสียเรียกตัว ผู้ที่มีชื่อจดในใบอนุญาตอีกนั้น เป็นวิธีกำหนดการเก็บอากรค่าน้ำ หาใช่ให้ตีความเลยไปว่า คนที่มีชื่อในอาชญาบัตร์โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมก็ใช้เครื่องมือนั้นได้ แล้วใคร ๆ ที่ไม่มีชื่อก็ย่อมใช้ได้ด้วยเช่นนั้นไม่เห็นว่าจำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.อากรค่าน้ำ ร.ศ.๑๒๐ ม.๑๘ แลประกาศแก้ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒+ จึงพิพากษาให้ปรับจำเลย ๑๐ บาท