คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำท่าอ้วกและถ่มน้ำลายรดบุตรสาวผู้ตาย ผู้ตายต่อว่าจำเลยในเรื่องนี้ จำเลยพูดจายั่วโทสะผู้ตาย แสดงว่าจำเลยต้องการให้ผู้ตายต่อสู้กับตนหรือจำเลยต้องคาดคะเนได้ว่าผู้ตายจะต้องโกรธถึงขนาดที่จะทำร้ายจำเลย ผู้ตายเงื้อมือจะตบหน้าจำเลย จำเลยจึงใช้เหล็กปลายแหลมยาวประมาณคืบเศษแทงผู้ตายเต็มแรงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญลึกถึง 10 เซนติเมตร ทะลุเข้าช่องปอด เยื่อหุ้มหัวใจและผนังเส้นเลือดแดง โดยผู้ตายไม่มีอาวุธ และผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย แม้จำเลยแทงผู้ตายทีเดียวแล้ววิ่งหนี ก็แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า และการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันเพราะจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่าและใช้มีดแทงนายบุญยืนได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะวิวาทต่อสู้กัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 297, 83

จำเลยให้การปฎิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้รวมกับคดีหมายเลขแดงของศาลอาญาที่ 3894/2510 ระหว่าง พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายบัณฑิตย์หรือเล็ก กาญจนา จำเลย และ คดีหมายเลขแดงของศาลอาญาที่ 3895/2510ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์นายบุญยืนหรือบุญปิ่น ยิ้มละมัย จำเลย แล้วพิพากษาว่านายเฉลิมจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 297 ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 นายเฉลิมจำเลยมีอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 วางโทษจำคุก 12 ปี คำให้การนายเฉลิมจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกนายเฉลิมจำเลย8 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับนายบัณฑิตย์และนายบุญยืนจำเลย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายบัณฑิตย์กับนายบุญยืนตามฟ้องและขอไม่ให้ลดมาตราส่วนโทษนายเฉลิมจำเลย

นายเฉลิมจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องนายเฉลิมจำเลยอีกคนหนึ่งด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายเฉลิมจำเลย

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเฉลิมจำเลยทำท่าอ้วกและถ่มน้ำลายรดนางสาวบัญญัติบุตรผู้ตายหลายครั้ง ผู้ตายจึงไปต่อว่าจำเลยในเรื่องนี้จำเลยพูดจายั่วโทสะผู้ตายว่า ผู้ใหญ่ดีก็นับถือผู้ใหญ่ไม่ดีก็ไม่นับถือ ผู้ตายโกรธเงื้อมือขึ้นจะตบหน้าจำเลย จำเลยลุกพรวดขึ้นใช้เหล็กปลายแหลมยาวประมาณคืบเศษเสือกพรวดเข้าไปที่หน้าอกผู้ตายแล้ววิ่งหนี โดยผู้ตายไม่มีอาวุธ จึงวินิจฉัยว่าการที่นายเฉลิมจำเลยลุกพรวดเข้าแทงผู้ตายเต็มแรงที่หน้าอกด้านขวาซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญลึกถึง 10 เซนติเมตร ทะลุเข้าในช่องปอดทะลุเยื่อหุ้มหัวใจ และผนังเส้นเลือดแดง เลือดตกในถึงแก่ความตายในวันเกิดเหตุนั้นเอง แสดงว่านายเฉลิมจำเลยแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า และการที่จำเลยพูดจายั่วโทสะให้ผู้ตายโกรธ แสดงว่าจำเลยต้องการที่จะให้ผู้ตายต่อสู้กับตนหรือจำเลยจะต้องคาดคะเนได้ว่าผู้ตายจะต้องโกรธถึงขนาดที่จะทำร้ายตน เมื่อเป็นดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงหาเป็นการป้องกันไม่สำหรับข้อหาว่าจำเลยทำร้ายนายบุญยืนนั้น พยานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า นายเฉลิมจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำเลยอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 วางโทษจำคุก 12 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกนายเฉลิมจำเลยไว้ 8 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share