คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9061/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีนี้กับคดีก่อนเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือพิจารณาพิพากษารวมกันได้ จึงไม่อยู่ในบังคับของ ป.อ. มาตรา 91 (3) ศาลย่อมนับโทษจำคุกตลอดชีวิตคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีก่อนได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต โดยไม่นับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 10966/2527 ของศาลชั้นต้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ตลอดชีวิตแล้ว โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกในคดีดังกล่าว โดยศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ฟังเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2533 และคดีถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 2 มิได้ฎีกา
ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าคดีนี้กับคดีก่อนดังกล่าว ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตทั้งสองคดี ขอให้แก้ไขคำพิพากษาให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) เป็นไม่นับโทษต่อกัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีก่อนของศาลชั้นต้นกับคดีนี้ วันเวลาเกิดเหตุต่างกันไม่มีความเกี่ยวพันกัน จึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงนับโทษต่อกันได้ ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จะนับโทษจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีก่อน คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10966/2527 ของศาลชั้นต้นได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้กับคดีก่อนเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ทั้งไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือพิจารณาพิพากษารวมกันได้ กรณีดังกล่าวจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ดังนั้น ศาลย่อมนับโทษจำคุกตลอดชีวิตคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีก่อนได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share