คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยปฏิเสธชั้นศาลแต่ในชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพและได้นำเจ้าพนักงานไปที่เกิดเหตุ การนำชี้นี้ก็ถือว่าเป็นแต่ส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพชั้นสอบสวน ไม่ใช่หลักฐานประกอบตามความประสงค์ของมาตรา 176 ประมวลวิธีพิจารณาอาญา และพะยานหลักฐานประกอบตามมาตรา 176 นี้จะต้องไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพนั้นเอง
อ้างฎีกาที่ 337/2482

ย่อยาว

จำเลยต้องหาว่าฆ่าคนตายโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๐(๓) ในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีโจทก์เป็นที่น่าสงสัยโดยพะยานเบิกความแตกต่างและไม่สมด้วยเหตุผล แต่เป็น+ฟังได้ว่ามีการลอบยิงผู้ตาย ๆ จริงและโจทก์สืบฟังได้ว่าจำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน แม้พะยานโจทก์จะไม่สมบูรณ์ใช้ได้โดยลำพังก็ประกอบคำรับของจำเลยให้น่าฟังขึ้น จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา ม.๒๔๙
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อไม่เชื่อคำพะยานโจทก์ คำพะยานนั้นก็ไม่เป็นหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยตามกฎหมายจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องหล่อยจำเลยไป
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อประจักษพะยานโจทก์ไม่น่าเชื่อเลยและไม่มีน้ำหนักดังนี้คำพะยานนั้นอาศัยเป็นหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยตามมาตรา ๑๗๖ แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญาไม่ได้ เพราะชั้นพิจารณาจำเลยไม่ได้รับสารภาพ และตามมาตรานี้บัญญัติว่าคดีอุกฉกรรจ์เช่นนี้แม้จำเลยได้รับสารภาพ ศาลก็ยังต้องฟังพะยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้ทำผิดจริงเมื่อพะยานโจทก์หามีน้ำหนักไม่ ย่อมเป็นการแน่ว่าโจทก์ไม่ได้สืบพะยานทำให้ศาลฟังว่าจำเลยมีความผิดจริง การที่จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนแล้วยังได้นำเจ้าพนักงานไปชี้ที่เกิดเหตุด้วยนั้น การนำชี้ก็เป็นแต่ส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพชั้นสอบสวน ย่อมไม่ใช่หลักฐานประกอบตามความประสงค์ของมาตรา ๑๗๖ แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญาพะยานประกอบตาม ม.๑๗๖ นี้ต้องไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพนั้นเอง จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share